กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เรียกร้องให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายลดการพึ่งพาการส่งออกของภูมิภาคเอเชีย
นายโรแบร์โต คาร์ดาเรลลี นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า หลายฝ่ายมองว่าจีนควรปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าและกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อช่วยสร้างสมดุลการค้าระหว่างประเทศ หลังจากที่จีนมียอดเกินดุลการค้ามูลค่ามหาศาลกับสหรัฐและประเทศอื่นๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการปฏิรูปเศรษฐกิจและลดการพึ่งพาการส่งออกของเอเชีย
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวในอัตรา 12% ในไตรมาสแรกปีนี้ และ 10% ตลอดปี 2553 พร้อมกับแสดงความกังวลว่าอัตราการขยายตัวในระดับนี้อาจร้อนแรงเกินไป และก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยไอเอ็มเอฟเรียกร้องให้จีนใช้ความพยายามลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และควบคุมเงินทุนที่ไหลเข้าประเทศจำนวนมากจนเป็นเหตุให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า จีนจำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไปเพื่อลดอัตราการออมทั้งในภาคครัวเรือนและภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการเพิ่มอำนาจซื้อในหมู่ผู้บริโภค ซึ่งจะผลักดันให้ดีมายด์ภายในประเทศขยายตัวแข็งแกร่ง และการปรับขึ้นค่าเงินหยวนก็เป็นหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างที่จำเป็นสำหรับการปฏิรูปนี้ด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้ตรึงค่าเงินหยวนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ไว้เท่าเดิมนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การเงินโลกในปี 2551 เพื่อลดผลกระทบของกลุ่มผู้ส่งออกจีน แต่การดำเนินการดังกล่าวส่งผลให้หลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐเรียกร้องให้จีนเร่งปรับขึ้นค่าเงินหยวน โดยระบุว่าเงินหยวนที่มีมูลค่าต่ำเกินไปส่งผลให้กลุ่มผู้ส่งออกจีนมีข้อได้เปรียบสูงกว่าคู่แข่งประเทศอื่นๆในตลาดต่างประเทศ