ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงข้อมูลภาคการผลิต ขณะที่สกุลเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของยุโรป
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.76% เมื่อเทียบกับยูโรที่ระดับ 1.3194 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.3295 ยูโร/ดอลลาร์ที่ และพุ่งขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ระดับ 1.5247 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.5268 ปอนด์/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 94.610 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 93.810 เยน/ดอลลาร์ และดีดขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0852 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0773 ฟรังค์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.21% แตะที่ 0.9263 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้น 0.59% แตะที่ 0.7312 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7269 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.6% ขณะที่รายได้ส่วนบุคคลปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
ขณะที่สำนักงานจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตในเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสู่ระดับ 60.4 จุด จากเดือนมี.ค.ที่ระดับ 59.6 จุด ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวได้ดีและเป็นกำลังสำคัญในการหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้น
ค่าเงินยูโรดิ่งลงอย่างหนักแม้รัฐบาลกรีซได้บรรลุข้อตกลง เกี่ยวกับมาตรการรัดเข็มขัดกับสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งจะนำไปสู่การเบิกจ่ายเงินช่วยเหลือหลายพันล้านยูโร
สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐ ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อของกรีซลงสู่ระดับไม่น่าลงทุน หรือระดับขยะ (junk status) และลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ A- จากระดับ A+ พร้อมกับให้แนวโน้มเป็นลบ และหลังจากนั้นเพียงวันเดียว เอสแอนด์พีได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปนลง 1 ขั้น สู่ระดับ AA จากระดับ AA+ และให้แนวโน้มเชิงลบ โดยระบุว่าสถานะการคลังของสเปนถดถอยลง และเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัวลง