เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การจัดสรรเงินกู้ช่วยเหลือกรีซของกลุ่มสหภาพยุโรปจะยังไม่เพียงพอต่อการป้องกันปัญหาหนี้สินที่กำลังลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปได้
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.53% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2990 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3192 ดอลลาร์/ยูโร และอ่อนค่าลง 1.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 122.71 เยน/ยูโร จากระดับ 124.74 เยน/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.62% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5150 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5244 ดอลลาร์/ปอนด์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.55% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1023 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0855 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.08% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 94.460 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 94.540 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 1.88% แตะที่ 0.9090 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9264 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลง 1.53% แตะที่ 0.7194 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7306 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
เงินยูโรเผชิญกับปัจจัยลบจากความตื่นตระหนกของนักลงทุนเกี่ยวกับวิกฤตหนี้สินในกรีซที่ปะทุขึ้นมาอีกระลอก ซึ่งปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์มากขึ้น
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ 2 รายการได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าภาคโรงงานเดือนมี.ค. ที่เพิ่มขึ้น 1.3% รวมถึงยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ซึ่งขยายตัวขึ้น 5.3% ในเดือนมี.ค.