ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกกังวลต่อปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ส่งผลให้มีการเทขายหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลง 225.06 จุด หรือ 2.02% ปิดที่ระดับ 10,926.77 จุด ซึ่งนับเป็นการทรุดตัวลงหนักสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนี S&P 500 ตกลง 28.66 จุด หรือ 2.38% ปิดที่ 1,173.60 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 74.49 จุด หรือ 2.98% ปิดที่ 2,424.25 จุด
- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนมิ.ย.ร่วงลง 3.45 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 82.74 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ราคาสัญญาพุ่งแตะระดับสูงสุดในระดับ 5 เดือนในการซื้อขายระหว่างวัน
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 14.10 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ระดับ 1,169.20 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,166.90 - 1,192.80 ดอลลาร์
- เงินยูโรอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การจัดสรรเงินกู้ช่วยเหลือกรีซของกลุ่มสหภาพยุโรปจะยังไม่เพียงพอต่อการป้องกันปัญหาหนี้สินที่กำลังลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรปได้
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.53% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2990 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.3192 ดอลลาร์/ยูโร และอ่อนค่าลง 1.63% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 122.71 เยน/ยูโร จากระดับ 124.74 เยน/ยูโร ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.62% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.5150 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.5244 ดอลลาร์/ปอนด์
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) โดยมีหุ้นกลุ่มพลังงานและบริษัทเหมืองแร่ดิ่งลงอยู่ในแดนลบ หลังรัฐบาลออสเตรเลียประกาศแผนจัดเก็บภาษีในกลุ่มอุตสาหกรรมเหมือง
ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 142.18 จุด หรือ 2.56% ปิดที่ 5,411.11 จุด