สถาบันวิจัยนครหลวงไทย(SCRI) ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI) ในเดือนเม.ย.53 ที่อยู่ในระดับ 3.0% นั้น จะเป็นจุดต่ำสุดของอัตราเงินเฟ้อในปี 53 เนื่องจากมองว่าสถานการณ์อัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสขยายตัวเป็นบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 1/53 ตามปัจจัยของระดับฐานของราคาสินค้าในหลายชนิดที่ต่ำในปีก่อนหน้า
ยกตัวอย่างเช่นราคาข้าวที่ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 53 ขยายตัวกว่า 9.0% และยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องหลังจากสัญญาณการขยายตัวของภาคอุปสงค์จากต่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณอุปทานในตลาดที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ตามภาวะอากาศแล้งที่ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก ประกอบกับ SCRI มองว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้สถานการณ์การบริโภคในประเทศจะยังมีทิศทางปรับตัวเป็นบวกต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจทั้งจากในและนอกประเทศ
"เบื้องต้น SCRI มองว่าระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ปรับตัวไปอยู่ที่จุดต่ำสุดของปีไปแล้วในเดือน เม.ย. 2553 และคาดในช่วงที่เหลือของปี 2553 ระดับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเป็นการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 3.0-4.5% ซึ่งจะส่งผลให้ระดับอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของไทยในปี 53 จะกลับมาขยายตัวอยู่ในระดับประมาณ 3.75%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ขณะที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน(Core CPI) ตั้งแต่เดือน พ.ค.53 เป็นต้นไป จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับในช่วงตั้งแต่ต้นปี โดย SCRI คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานโดยเฉลี่ยในปี 53 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 1.30% กลับมาอยู่ในกรอบเป้าหมายในปี 53 ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ที่ 0.5-3.0% หลังจากที่หลุดเป้าไปในปีที่แล้ว โดยที่การประมาณการณ์ทั้งหมดอยู่บนสมมุติฐานที่ว่าทางรัฐบาลจะมีการยกเลิกนโยบายค่าครองชีพทั้งหมดในสิ้นเดือนมิ.ย.53
ทั้งนี้ SCRI ยังประเมินว่าระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังมีแนวโน้มทรงตัวต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ โดยเชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะยังไม่ตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินในระยะสั้น เนื่องจากปัจจัยลบทางการเมืองจากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งกดดันให้ภาพรวมเศรษฐกิจอยู่ในความเสี่ยงที่จะมีการชะลอตัวลงมากขึ้น ส่งผลให้อย่างน้อยแล้วมองว่าในการประชุม กนง.ครั้งหน้าในวันที่ 2 มิ.ย.53 อัตราดอกเบี้ยนโยบายยังคงทรงตัวที่ 1.25%