รัฐสภากรีซเตรียมอภิปรายเรื่องมาตรการลดงบประมาณการใช้จ่ายในวันนี้ เพื่อให้เป็นไปตามเงื่อนไขของสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ซึ่งเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่กรีซ ขณะที่ชาวกรีซกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการไว้อาลัยผู้เสียชีวิต 3 คนจากเหตุการณ์ชุมชุมประท้วงมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล
นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีกรีซกล่าวว่า แม้ชาวกรีซทุกคนรู้สึกไม่สบายใจต่อมาตรการฉบับใหม่ แต่รัฐบาลมีความจำเป็นต้องลดค่าแรงและบำเน็จบำนาญเพื่อแลกกับการรับเงินช่วยเหลือมูลค่า 1.10 แสนล้านยูโร (1.41 แสนล้านดอลลาร์) และเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
ทั้งนี้ นายปาปันเดรอูกำลังผลักดันให้รัฐสภากรีซอนุมัติมาตรการลดงบประมาณการใช้จ่ายก่อนที่การประชุมสุดยอดอียูจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยขณะนี้รัฐบาลกรีซต้องเตรียมเงินไว้สำหรับพันธบัตรมูลค่า 8.5 พันล้านยูโรที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 19 พ.ค.นี้
สำนักข่าวเอเธนส์ นิวส์ รายงานว่า เหตุการณ์ประท้วงในกรุงเอเธนส์อาจยืดเยื้อออกไปอีก เนื่องจากพนักงานของรัฐบาลท้องถิ่นเตรียมปักหลักประท้วงต่ออีก 24 ชั่วโมง หลังจากเหตุการณ์ประท้วงเมื่อวานนี้ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน ซึ่งเป็นพนักงานของธนาคารมาร์ฟิน แบงค์ และมีผู้บาดเจ็บอีก 40 คน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นพลเรือน 11 คน และตำรวจ 29 คน เนื่องจากผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาธนาคาร
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รัฐบาลกรีซ ตลอดจนแกนนำฝ่ายค้าน ตัวแทนสหภาพแรงงาน และผู้นำสมาคมการค้าของกรีซ ออกมาประณามการก่อเหตุรุนแรงจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต นอกจาก สมาชิสภาผู้แทนราษฎรของกรีซยังร่วมกันยืนไว้อาลัยแก่ผู้เคราะห์ร้ายเป็นเวลา 1 นาทีในระหว่างประชุมรัฐสภา
รัฐบาลกรีซกำลังแบกรับภาระหนี้สาธารณะจำนวน 3 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็นสัดส่วน 13.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทำให้รัฐบาลต้องประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้กรีซลดภาระหนี้สินได้ 3 หมื่นล้านยูโรในอีก 3 ปีข้างหน้า