In Focusเปิดประวัติศาสตร์จีนอีกหนึ่งหน้า กับบทบาทในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน Shanghai World Expo

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 6, 2010 13:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ปักกิ่งมีโอกาสสร้างชื่อให้กับจีนไปแล้วกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิก คราวนี้ ถึงเวลาที่เซี่ยงไฮ้จะได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับชาวแดนมังกรบ้างกับงาน World Expo งานแสดงผลงานนวัตกรรม ความภาคภูมิใจ วิถีชีวิตของประเทศต่างๆทั่วโลก

รัฐบาลจีนได้ใช้งบประมาณกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการรับปรุงสภาพแวดล้อมและทัศนียภาพบริเวณ 2 ฝั่งแม่น้ำหวงผู่ ใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ เพื่อรับหน้าเสื่อสถานที่จัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป เป็นเวลานานต่อเนื่องถึง 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 พ.ค.-31 ต.ค. 2553 ซึ่งทางการจีนคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 70 ล้านคน

จีนใช้เวลาเตรียมงานและก่อสร้างนานกว่า 7 ปี และมีนานาประเทศเข้าร่วมงานนี้กว่า 190 ประเทศ รวมทั้ง ประเทศไทยด้วย นอกจากนี้ ยังมีองค์กรระหว่างประเทศอีก 50 องค์กร กับมณฑลใหญ่ๆ ของจีน 31 มณฑล รวมถึงฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน มีส่วนร่วมในงาน

ฮั่น กุยจุน ชาวจีนผู้มีอายุอานามถึง 91 ปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมากับเหตุการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในเซี่ยงไฮ้มานับไม่ถ้วน ตั้งแต่สงครามกลางเมือง สงครามโลกครั้งที่ 2 การปฏิวัติวัฒนธรรม และการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ กล่าวถึงงานเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โป ว่า เขารู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งที่จีนได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ที่ผ่านมา เขาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างมากมาย และตอนนี้เซี่ยงไฮ้ก็อยู่ในสภาพที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

งานเวิลด์ เอ็กซ์โป จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2394 ที่กรุงลอนดอน และการที่จีนได้มีโอกาสทำหน้าที่เจ้าภาพในปีนี้ จีนจึงทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อให้งานใหญ่ระดับโลกนี้ออกมาดีที่สุด โดยรัฐบาลจีนได้ทุ่มงบ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานต่างๆและระบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัยขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าชมงานอย่างเต็มที่ ทั้งการขยายสนามบินเซี่ยงไฮ้ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้น การสร้างระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้านครเซี่ยงไฮ้เพิ่มอีก 13 เส้นทาง รวมระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เชื่อมต่อจุดต่างๆกับงานเอ็กซ์โป

สำหรับผู้เข้าชมงานที่จะเดินทางมายังเซี่ยงไฮ้จากเมืองอื่นๆก็ยังได้รับความสะดวกสบายไม่แพ้กัน เพราะผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการรถไฟฟ้าแม่เหล็ก ความเร็วสูงสุด 431 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาวิ่งเพียง 7 นาที 20 วินาที จากสนามบินนานาชาติผู่ตงก็ถึงตัวเมืองเซี่ยงไฮ้แล้ว

แม้ว่า จีนจะได้ใช้ความพยายามกับการปลุกปั้นงานใหญ่ระดับโลกครั้งนี้ แต่ก็ไม่วายมีเสียงบ่นเล็ดรอดมาจากประชาชน โดยเฉพาะชาวเซี่ยงไฮ้ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง ชู จินตี ที่กล่าวถึงงานนี้ว่า บ้านของเธอถูกทางการยึดพื้นที่ไปโดยไม่ได้มีการจ่ายเงินชดเชยให้ ทั้งที่งานนี้สมควรที่จะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งห้ามประชาชนสวมชุดนอนเดินตามท้องถนนในเซี่ยงไฮ้ โดยจาง เหลียนฟาง ผู้ดูแลชุมชนแห่งหนึ่ง กล่าวถึงนโยบายดังกล่าวว่า เราต้องแต่งกายอย่างมีวัฒนธรรม เราจำเป็นต้องนำเสนอภาพลักษณ์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อย

หลากทัศนะมุมมองจากต่างชาติ

จอห์น ฟินด์ลิง นักประวัติศาสตร์และบรรณาธิการร่วมของ Encyclopedia of World’s Fairs and Expositions กล่าวถึงเซี่ยงไฮ้ เวิลด์ เอ็กซ์โปว่า จีนหวังที่จะได้รับเสียงชื่นชมจากประเทศทั่วโลกทั้งในเรื่องของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงเรื่องความโอบอ้อมอารีที่มีให้กับแขกของประเทศ และความพยายามในการผลักดันประเทศให้เข้ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว สืบเนื่องจากการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกเมื่อสองปีก่อน

นอกจากนี้ งานเอ็กซ์โป 2010 ยังทำให้เขาคิดถึงงานเวิลด์ส โคลัมเบียน เอ็กซ์โปซิชั่น ที่ชิคาโก้ ซึ่งสหรัฐอเมริกาได้ถือเป็นโอกาสในการป่าวประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

ทางด้านเออร์โซ แชพเพิล ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ expomuseum.com กล่าวว่า งานเวิลด์ เอ็กซ์โปปีนี้ และงานเวิลด์ เอ็กซ์โป 70 ที่จัดขึ้นที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความคล้ายคลึงกัน ในแง่ที่ว่า ช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นทำหน้าที่เจ้าภาพจัดงานเอ็กซ์โป 70 นั้น สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว และญี่ปุ่นยังอยู่ในช่วงเวลาของการสร้างชาติและฟื้นฟู ดังนั้น ญี่ปุ่นจึงมีโอกาสที่จะสร้างแบรนด์ให้กับประเทศอีกครั้ง เพื่อโชว์ความยิ่งใหญ่ให้กับนานาประเทศได้ประจักษ์ ซึ่งเขามองว่า จีนเองก็มีโอกาสจากงานนี้ในการทำให้ทั่วโลกได้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่เช่นกัน

นานาประเทศโชว์ฝีมือสร้างสรรค์กันอย่างเต็มที่

เนื่องจากเวิลด์ เอ็กซ์โป เป็นงานใหญ่ระดับโลกและระยะเวลาในการจัดงานก็นานถึง 6 เดือน ประเทศต่างๆจึงทุ่มสุดตัวเพื่อนำเสนอผลงานและความภาคภูมิใจของประเทศ โดยเดนมาร์กเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ไม่ยอมน้อยหน้าประเทศใด เพราะลงทุนขนประติมากรรมนางเงือก สัญลักษณ์ประจำกรุงโคเปนเฮเกน ออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก เพื่อพาเธอมาอวดโฉมสู่สายตาชาวโลกในงานนี้ พาวิลเลียนของเดนมาร์กใช้ชื่อว่า "Welfairytales" เพื่อสื่อถึงความเป็นรัฐสวัสดิการ และดินแดนแห่งเทพนิยายของประเทศ ซึ่งนอกเหนือจากนิทานเรื่องเงือกน้อยที่เป็นนางเอกของงานแล้ว เดนมารก์ก็ยังไม่ลืมที่จะนำเสนอผลงานเรื่องอื่นๆของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน นักประพันธ์เลื่องชือ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึง นิทานเรื่องลูกเป็ดขี้เหร่

ด้านซาอุดีอาระเบียก็ใช่ย่อย ยอมทุ่มงบสูงสุดถึง 164 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างยานอวกาศจำลอง รูปทรงคล้ายพระจันทร์ครึ่งดวง ที่บรรจุความฝันและมิตรภาพ และใช้ต้นปาล์ม สัญลักษณ์ของทะเลทราย เรียงรายอยู่นับพันๆต้น ขณะที่แดนจิงโจ้อย่างออสเตรเลีย ก็ใช้งบประมาณกว่า 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างพาวิลเลียนที่สื่อให้เห็นถึงเสน่ห์ของธรรมชาติบริสุทธิ์ ความหรูหรา และความทันสมัยของประเทศ

ทางด้านญี่ปุ่นมางานนี้กับเกาะที่เป็นรูปทรงดักแด้ยักษ์ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมด้านสถาปัตยกรรมและการรีไซเคิลน้ำ ตลอดจนการจำลองให้เห็นถึงชีวิตความเป็นอยู่ในสมัยโบราณ ควบคู่กับวิถีชีวิตสมัยใหม่ด้วยการโชว์ผลงานที่เป็นหน้าเป็นตาของประเทศในด้านยานยนต์ เช่น รถพลังงานไฟฟ้า และ หุ่นยนต์

สำหรัลเครือจักรภพอังกฤษมาในรูปของกล่องเรืองแสงขนาดใหญ่ สัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของอังกฤษและจีน ขณะที่ฝรั่งเศสมาพร้อมกับเมืองแห่งอนาคต ที่มีสวนสวยแบบฝรั่งเศสอยู่ภายใน โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้วัสดุก่อสร้างและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ส่วนพาวิลเลียนของสิงคโปร์มาพร้อมกับการนำเสนอวิธีการจัดการการขาดแคลนน้ำของประเทศ หลังจากที่สิงคโปร์เคยประสบภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนักเมื่อปีพ.ศ. 2503-2513 ซึ่งสิงคโปร์ก็สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการกักเก็บน้ำฝน รวมทั้งการบำบัดน้ำเสีย แปรรูปน้ำทะเล รวมทั้งการซื้อน้ำจากประเทศต่างๆ

พาวิลเลียนของสหรัฐนั้น นำเสนอคนดังของประเทศตั้งแต่ผู้นำไปจนถึงนักกีฬาคนดัง โดยมีการนำเสนอภาพยนตร์ที่มีคนดัง อาทิ บารัค โอบามา ประธานาธิบดี และ โคบี ไบรอัน นักบาสเก็ตบอลชื่อก้อง ต้อนรับผู้เข้าชมงานเป็นภาษาจีน นอกจากนี้ยังได้มีการนำเสนอแนวคิดในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการปรับปรุงชุมชน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมพาวิลเลียนของสหรัฐถึง 6 ล้านคนภายในระยะเวลาการจัดงาน 6 เดือน

ทั้งนี้ เวิลด์ เอ็กซ์โป ที่ผ่านๆมานั้น ทำให้เมืองเจ้าภาพได้ของที่ระลึกเป็นสถาปัตยกรรมหรือสัญลักษณ์ประจำเมือง เช่น หอไอเฟล แห่ง กรุงปารีส ฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าภาพจัดงานเมื่อปีพ.ศ. 2432 ขณะที่หอคอยสเปซนีดเดิลในซีแอตเติลของสหรัฐก็ได้แจ้งเกิดกับงานเวิลด์ เอ็กซ์โปเช่นกัน

ในฝั่งของจีนเองนั้น นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า เวิลด์ เอ็กซ์โป อาจจะมีส่วนช่วยให้เซี่ยงไฮ้มีโอกาสขึ้นแท่นเป็นศูนย์กลางการเงินโลกอีกแห่งได้ โดยเหลียน ปิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ มองว่า งานนี้ จะช่วยสนับสนุนความพยายามของเซี่ยงไฮ้ในการปรับเปลี่ยนสถานะของเซี่ยงไฮ้สู่ศูนย์กลางการเงินระดับโลก เพราะไม่เพียงแต่งานจะช่วยกระตุ้นการก่อสร้างสาธารณูปโภคและการบริโภคเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญด้านการบริหารและความสำคัญทางเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้บนเวทีที่แตกต่างไม่เหมือนใคร

เหลียนกล่าวกับสำนักข่าวซินหัวว่า งานเอ็กซ์โปนี้จะช่วยดึงดูดนายธนาคารและนักลงทุนทั้งจากในและต่างประเทศเข้ามาเยี่ยมชมเซี่ยงไฮ้และทำธุรกิจที่เซี่ยงไฮ้ งานนี้ยังจะเป็นเครื่องจักรในการผลักดันการขยายตัวของเมือง และมณฑลใกล้เคียงในช่วง 10 ปีข้างหน้า

เวิลด์ เอ็กซ์โป ถือเป็นงานที่มีส่วนช่วยเชื่อมโยงทุกประเทศเข้าหากัน และที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ เวิลด์ เอ็กซ์โป เป็นอีกหนึ่งเวทีล่าสุดที่ส่งเสริมให้จีนได้แสดงบทบาทของการเป็นประเทศชั้นนำของโลก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ