นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)กล่าวว่า ข้อเสนอของนายกรัฐมนตรีในกระบวนการสร้างความปรองดองถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะการเมืองมีทางออก ซึ่งจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของประเทศ และทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาการชุมนุมก่อนหน้านี้ยุติลง มีโอกาสที่เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
"เป็นโจทย์ที่จะสร้างความเชื่อมั่น และยังสามารถลดทอนผลกระทบได้"นางธาริษา กล่าว
ทั้งนี้ ธปท.จะต้องรอดูภาพรวมของผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนจะมีการประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในปีนี้อีกครั้ง โดยเฉพาะต้องรอดูตัวเลขในเดือน เม.ย.53 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดผลกระทบจากการชุมนุมมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ค่อนข้างดี ตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ยังอยู่ในระดับต่ำ โดย Net NPL ณ สิ้นเดือน มี.ค.อยู่ที่ 2.5% ของสินเชื่อรวม
ส่วนปัญหาเรื่องกรีซดูแล้วไม่มีผลกระทบต่อไทยมากนัก โดยเฉพาะภาคสถาบันการเงิน เพราะไม่ได้มีการลงทุนพันธบัตรกรีซ และสถาบันการเงินไทยก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งสภาพคล่องจากต่างประเทศอยู่แล้ว แต่หลายฝ่ายเกรงว่าปัญหาหนี้สาธารณะของกรีซจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และส่งผลกระทบทางอ้อมเรื่องของการส่งออก
ผู้ว่าการ ธปท.กล่าวว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายลงก็ต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่น และ ธปท.จะร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทยตรวจสอบข้อมูลจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเป็นการเฉพาะรายไป ซึ่งคงต้องดูท่าทีจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของสถาบันการเงินและผู้ประกอบการว่าต้องการที่จะให้ทางการเข้าไปช่วยเหลืออย่างไรบ้าง