นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะออกพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ปีงบประมาณ 53 รุ่นอายุ 6 ปี วงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท กำหนดดอกเบี้ยแบบขั้นบันได โดยปีที่ 1-2 ดอกเบี้ย 3%, ปีที่ 3-4 ดอกเบี้ย 4%, ปีที่ 5 ดอกเบี้ย 5% และ ปีที่ 6 ดอกเบี้ย 6%
กระทรวงการคลังจะ เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 17-21 พ.ค.53 กำหนดวงเงินซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท/ราย โดยจะเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุ อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปได้จองซื้อก่อนในวันที่ 17-18 พ.ค.53 และ จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปจองซื้อในวันที่ 19-21 พ.ค.53
ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถจองซื้อผ่านธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ 12 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทหารไทย ธนาคารยูโอบี ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารธนชาต และธนาคารออมสิน โดยธนาคารไม่คิดค่าธรรมเนียมใด ๆ
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า การเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้ถือเป็นวงเงินที่สูงสุดที่กระทรวงการคลังนำออกขายนับตั้งแต่ปี 45 และเชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากประชาชนและผู้สูงอายุ โดยคาดว่าผู้ออมเงินได้สิทธิจองซื้อมากกว่า 120,000 ราย เนื่องจากการเปิดขายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งเมื่อปี 52 วงเงิน 80,000 ล้านบาท มีประชาชนได้สิทธิซื้อ 120,000 ราย เฉลี่ยรายละ 70,000 บาท ซึ่งวงเงินที่ออกขายครั้งนี้สูงกว่า
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังจะไม่มีการขยายวงเงินออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งนี้เกินกว่า 100,000 ล้านบาท เนื่องจากเป็นไปตามวงเงินที่ ครม.อนุมัติ และเป็นการออกพันธบัตรตามความจำเป็นของการใช้เงิน โดยการจองซื้อพันธบัตรครั้งนี้จะใช้หลักจองก่อนได้สิทธิก่อน จะไม่มีการเปิดจองซื้อพันธบัตรล่วงหน้าก่อนเปิดขายจริง
"เชื่อว่าการเปิดขายพันธบัตรครั้งนี้น่าจะมีความโปร่งใส หากใครมาก่อนก็ได้สิทธิก่อน โดยไม่มีการเปิดให้จองก่อนเปิดขายจริง...การจัดสรรโควต้าแต่ละแบงก์เป็นไปตามสัดส่วนเงินฝาก และเชื่อว่าแต่ละแบงก์จะจัดสรรโควต้าไปตามสาขาต่างๆ ตามยอดเงินฝากเช่นกัน เพื่อให้ประชาชนได้จองซื้อตามโควต้า และเชื่อว่าทุกคนจะได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน" นายกรณ์ กล่าว