นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ปีงบประมาณ 53 เพิ่ม 75,000 ล้านบาท เพื่อเป็นการช่วยลดภาระการกู้ยืมเงินของรัฐบาลปี 53 และเป็นส่วนช่วยในการเพิ่มงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 54 เพื่อสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล
จากการที่ได้เร่งรัดติดตามผลการจัดเก็บรายได้อย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ระยะ 6 เดือนของปีงบประมาณ 53(ต.ค.52-มี.ค.53) จัดเก็บภาษีสรรพสามิตได้รวม 207,396 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 61,255 ล้านบาท หรือร้อยละ 41.92 โดยเฉพาะเดือนมีนาคม 53 ว่าสามารถจัดเก็บได้รวมทั้งสิ้น 39,745 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 13,988 ล้านบาท หรือร้อยละ 54.31
สำหรับเดือน มี.ค.53 ภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน จัดเก็บได้สูงสุดอันดับแรก 14,602 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 6,254 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.93 เป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราภาษีน้ำมันเมื่อวันที่ 14 พ.ค.52 จึงส่งผลให้มีรายได้ภาษีน้ำมันสูงขึ้น
รองลงมาได้แก่ ภาษีรถยนต์ จัดเก็บได้ 5,754 ล้านบาทสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 2,497 ล้านบาท หรือร้อยละ 76.71 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและหันมาซื้อรถยนต์กันเพิ่มมากขึ้น และภาษีเบียร์ จัดเก็บได้ 6,736 ล้านบาท สูงกว่าประมาณตามเอกสารงบประมาณ 2,037 ล้านบาท หรือ 43.35 เป็นผลมาจากการเพิ่มอัตราภาษีเบียร์เมื่อวันที่ 7 พ.ค.52 จากร้อยละ 55 ของมูลค่าเป็นร้อยละ 60 ของมูลค่า และภาพรวมปริมาณการผลิตเบียร์ในเดือน มี.ค.ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.15
“เพื่อเป็นการช่วยด้านการคลังและงบประมาณของรัฐบาล และให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ภาษีสรรพสามิต เพิ่มเป็น 366,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 75,000 ล้านบาท หรือร้อยละ 25.8 จากเป้าหมายเดิมที่เป็นจำนวน 291,000 ล้านบาท และเชื่อว่ากรมสรรพสามิตจะสามารถจัดเก็บรายได้ภาษีได้ตามเป้าหมายใหม่" รมช.คลัง กล่าว