BOI เผยภาวะลงทุน 4 เดือนแรกขยายตัวรับศก.โลกฟื้น-การเมืองยังไม่ส่งผลกระทบ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday May 7, 2010 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เผยภาวะการลงทุนช่วง 4 เดือนแรก(ม.ค.-เม.ย.)ปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยเฉพาะในเดือน เม.ย.53 นักลงทุนแห่ยื่นขอบีโอไอถึง 106 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 26,700 ล้านบาท ส่งผลให้จำนวนโครงการตลอด 4 เดือนมีถึง 413 โครงการ ขยายตัว 53% ขณะที่มูลค่าเงินลงทุน 135,800 ล้านบาท ขยายตัว 1% ส่วนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(เอฟดีไอ) ขยายตัวกว่า 140% โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เล็งลงทุนเพิ่ม

"มีโครงการลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมจำนวน 413 โครงการ เพิ่มขึ้นร้อยละ 53.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2552...สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพการเป็นแหล่งลงทุนของประเทศไทย" นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ กล่าว

โดยในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมามีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอสูงถึง 106 โครงการ เพิ่มขึ้น 80% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าเงินลงทุน 26,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน

"ผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองยังไม่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในระยะนี้ และหากสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนมากขึ้นด้วย" นางอรรชกา กล่าว

สำหรับประเภทกิจการที่นักลงทุนยื่นขอส่งเสริมและมีมูลค่าเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภค จำนวน 115 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวมประมาณ 77,000 ล้านบาท รองลงมาคือ กิจการด้านยานยนต์ เครื่องจักร โลหะ จำนวน 85 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 20,000 ล้านบาท ตามด้วยกิจการด้านเกษตรแปรรู อาหาร จำนวน 68 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 17,000 ล้านบาท และกิจการด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ 63 โครงการ มูลค่า 9,000 ล้านบาท

ส่วนยอดเอฟดีไอ(Foreign Direct Investment) ที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ พบว่ามีมูลค่าเงินลงทุน 53,000 ล้านบาท สูงขึ้น 140% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว และนักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นในประเทศไทย

ทั้งนี้ นักลงทุนจากญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 26,000 ล้านบาท ขยายตัว 160% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการขนาดใหญ่จากญี่ปุ่นที่ขอรับส่งเสริมการลงทุนได้แก่ กิจการผลิตชิ้นส่วนฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์ และกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ รองลงมาคือการลงทุนจากสิงคโปร์ มีมูลค่าเงินลงทุน 6,900 ล้านบาท โดยมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในกิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งจากอาหาร และโครงการร่วมทุนระหว่างไทยสิงคโปร์ในการผลิตเคมีภัณฑ์ อันดับสามคือการลงทุนจากจีน มีมูลค่าเงินลงทุน 6,400 ล้านบาท มีโครงการขนาดใหญ่ผลิตพลังงานไฟฟ้า


แท็ก บีโอไอ   BOI  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ