ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดในสัปดาห์หน้า(10-14 พ.ค.)เงินบาทในประเทศอาจเคลื่อนไหวในกรอบ 32.10-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่ ความชัดเจนของทิศทางการเมืองไทย สัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพค่าเงินของ ธปท. รวมถึงทิศทางของสกุลเงิน/ตลาดหุ้นในภูมิภาค
ขณะที่ ทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐอาจขึ้นอยู่กับประเด็นวิกฤตหนี้ของกรีซ รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน พ.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดุลการคลังเดือน เม.ย. ดุลการค้า สตอกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจ เดือน มี.ค. และรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เป็นสำคัญ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแกว่งตัวตามปัจจัยทางการเมือง โดยตลาดเงินและตลาดอัตราแลกเปลี่ยน อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นค่อนข้างทรงตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า ท่ามกลางสภาพคล่องในตลาดเงินที่ยังมีอยู่มาก โดยธนาคารพาณิชย์มีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ โดยเงินบาทในประเทศ (Onshore) แกว่งตัวตามปัจจัยทางการเมือง เงินบาทขยับแข็งค่าในช่วงต้นสัปดาห์ จากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน รวมถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการลุกลามของวิกฤตหนี้ในยูโรโซน ซึ่งกดดันตลาดหุ้นและสกุลเงินในภูมิภาค ได้หักล้างช่วงบวกของเงินบาทลงในช่วงกลางสัปดาห์ ซึ่งในวันศุกร์ เงินบาททรงตัวในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด ก่อนปิดตลาดปลายสัปดาห์ที่ระดับ 32.32 เทียบกับระดับ 32.34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 เม.ย.)