สมาคมเหล็กโลกหนุนกลุ่มผู้ผลิตขึ้นราคาสินค้าเพื่อรับมือต้นทุนสินแร่เหล็กพุ่งรุนแรง

สมาคมเหล็กโลก (World Steel Association) เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ผลิตเหล็กจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เหล็ก เพื่อให้สามารถรับมือกับต้นทุนสินแร่เหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเหล็ก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 90%

นายเปาโล รอคคา ประธานสมาคมเหล็กโลกกล่าวว่า การที่กลุ่มผู้ส่งออกสินแร่เหล็กไม่ยอมรับกลไกการกำหนดราคาสัญญาสินแร่เหล็กเป็นรายปีในระยะเวลา 40 ปี แทนการทำสัญญาเป็นรายไตรมาสนั้น ถือเป็นข่าวลบต่อแวดวงอุตสาหกรรม และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ผลิตที่เป็นสมาชิกของสภาเหล็กโลกด้วย

เมื่อเดือนที่แล้ว สมาคมเหล็กโลกได้เรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกดำเนินการตรวจสอบตลาดสินแร่เหล็ก หลังจากบริษัท Vale SA ของบราซิลทำสัญญาการกำหนดราคาสินแร่เหล็กเป็นรายไตรมาสกับกลุ่มบริษัทเหล็กในญี่ปุ่น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา

"เราไม่มีทางเลือกอื่น จะมีก็แต่การส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้ตลาดช่วยแบกรับ การทำสัญญากำหนดราคาสินแร่เหล็กเป็นรายไตรมาสจะทำให้อุตสาหกรรมเหล็กมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอลูมิเนียมและอุตสาหกรรมประเภทอื่นๆ และการทำสัญญาเป็นรายไตรมาสจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของอุตสาหกรรมเหล็กโดยตรง" นายรอคคากล่าว

ก่อนหน้านี้ สมาคมเหล็กโลกคาดการณ์ว่า ความต้องการเหล็กทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 9.2% แตะระดับ 1.2 พันล้านตันในปี 2553 เพราะได้แรงหนุนจากดีมานด์ในสหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่นที่ดีดตัวขึ้น โดยคาดว่าความต้องการเหล็กในสหรัฐจะดีดตัวขึ้น 19% สู่ระดับ 72 ล้านตันในปี 2553 สหภาพยุโรป (อียู) เพิ่มขึ้น 12.4% ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 16% จีนเพิ่มขึ้น 5% และอินเดียเพิ่มขึ้น 12%