บริษัท บีเอชพี บิลลิตัน และบริษัท ริโอ ทินโต ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองชั้นนำของโลก ได้ตัดสินใจทบทวนโครงการเหมืองต่างๆ ขณะเดียวกันก็ตรวจสอบผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายการจัดเก็บภาษีกำไรทรัพยากร 40% ของรัฐบาลออสเตรเลีย
มาเรียส คล็อปเปอร์ ซีอีโอของบีเอชพี กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์ยังไม่แน่นอน การอนุมัติโครงการต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่ลำบาก พร้อมกับแสดงความเห็นว่า การจัดเก็บภาษีใหม่ที่จะเริ่มต้นในปี 2555 นั้น จะเป็นการขัดขวางการลงทุน และผลักดันให้บริษัทต่างๆหันไปลงทุนยังต่างประเทศแทน อีกทั้งยังจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหมืองที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจออสเตรเลีย
ทางด้านริโอ ทินโต ได้ชะลอโครงการบางส่วนเอาไว้ เนื่องจากนโยบายการเก็บภาษีดังกล่าว ส่วนฟอร์ทส์คิว เมทัลส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ส่งออกสินแร่เหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของออสเตรเลีย บริษัท แองโกลโกลด์ อาชานตี และโกลด์ ฟิลด์ส ก็ไม่เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลออสเตรเลียได้เปิดเผยแผนการจัดเก็บภาษี 40% จากกำไรที่ได้จากทรัพยากรที่ไม่สามารถผลิตขึ้นมาทดแทนได้ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีอาจจะทำให้รายได้ของบีเอชพีลดลงไป 17% ในปีที่เริ่มจัดเก็บภาษี โดยเมื่อปีงบการเงินที่สิ้นสุดในเดือนมิ.ย. บีเอชพีมีรายได้สุทธิ 5.9 พันล้านดอลลาร์ ส่วนริโอ ทินโต มีรายได้ในปีที่แล้ว 4.9 พันล้านดอลลาร์