ธปท.ห่วงสินเชื่อระบบแบงก์ปีนี้อาจโตไม่ถึง 10% ผลจากศก.โลก-การเมือง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 10, 2010 16:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนวอร เดชสุวรรณ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่มีความชัดเจน อาจส่งผลต่อภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ขยายตัวได้ไม่เต็มที่ตามเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 10% แม้ความชัดเจนของการฟื้นตัวทั้งจากเศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศจะมีมากขึ้นก็ตาม

ภาพรวมการขยายตัวของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ ปีนี้ ธปท.ยังมั่นใจว่าจะปรับตัวเป็นบวกได้ เห็นได้จากช่วงไตรมาส 1/53 สินเชื่อทั้งระบบมีอัตราการเติบโต 2.5% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ติดลบ 1.8% สะท้อนถึงการขยายตัวที่มีต่อเนื่อง

"เชื่อว่าภาพรวมของสินเชื่อในปี 53 จะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว และปรับตัวเป็นบวกอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่าปัญหาการเมืองจะจบเร็วแค่ไหน ถ้าจบได้เร็ว ตัวสินเชื่อก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่แบงก์พาณิชย์ส่วนใหญ่ประเมินกันไว้" นางนวอร กล่าว

ส่วนปัญหาหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) จากผลกระทบของชุมนุมทางการเมือง คงต้องติดตามดูตัวเลขในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพื่อประเมินว่าได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน แต่หากพิจารณาจากยอดเอ็นพีแอล ล่าสุด เมื่อ มี.ค.53 จะเห็นว่าเอ็นพีแอลมีการลดลงต่อเนื่อง

นางนวอร กล่าวว่า ไตรมาส 1/53 ธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมียอดเอ็นพีแอลคงค้างอยู่ที่ 3.71 แสนล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 52 จำนวน 4.8 พันล้านบาท ส่งผลให้เอ็นพีแอลก่อนหักสำรอง(Gross NPL)ลดลงมาอยู่ที่ 4.6% และเป็นเอ็นพีแอลสุทธิ(Net NPL) อยู่ที่ 2.5% ซึ่งการลดลงดังกล่าวเป็นผลจากการชำระคืนหนี้และการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นสำคัญ

"ปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นจะทำให้เอ็นพีแอลจากนี้ไปเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น คงต้องติดตามดูในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพียงแต่มีข้อสังเกตว่า ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราเองก็เจอกับปัญหาการเมืองมาโดยตลอด แต่ตัวเลขเอ็นพีแอลก็สามารถลดลงได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาคเอกชนเองมีการปรับตัวรับมือได้เป็นอย่างดี ขณะที่แบงก์พาณิชย์ก็มีความระวังในการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้น"นางนวอร กล่าว

สำหรับผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ไตรมาส 1/53 มีกำไรสุทธิรวม 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าจำนวน 2.1 พันล้านบาท โดยเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยรับและเงินปันผลสุทธิต่อสินทรัพย์เสี่ยง(NIM) ลดลงเล็กน้อยจาก 2.9% ในปี 52 มาอยู่ที่ 2.8% ในไตรมาส 1/53

อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย(ROA)เพิ่มขึ้นเป็น 1% ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีฐานะเงินกองทุนทรงตัวในระดับสูง โดยอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(BIS ratio)อยู่ที่ 16% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยง(Teir 1 ratio)อยู่ที่ 12.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ