ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกัน ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่แน่นอนภายหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งทั่วประเทศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ ธนาคารยังได้ตัดสินใจที่จะไม่อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มเติมภายใต้โครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายของตลาดเช่นกัน
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้ถูกเลื่อนมาจากสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากชนกับการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษเมื่อวันที่ 6 พ.ค. โดยการตัดสินใจคงดอกเบี้ยและไม่เปลี่ยนแปลงโครงการ QE นั้น มีขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล เนื่องจากหัวหน้าพรรคการเมืองยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลผสม
นายเดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้รับคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งอังกฤษเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และนายนิค เครก หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย เดินหน้าจัดการประชุมร่วมกันเพื่อร่วมกันหาทางให้ได้มาซึ่งข้อตกลงในการจัดตั้งรัฐบาลผสมโดยเร็วที่สุด หลังจากที่ผลการเลือกตั้งปรากฏว่าไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากในสภา ซึ่งหมายความว่าอังกฤษจะมีรัฐสภาที่เกิดจากเสียงข้างน้อย หรือ "hung parliament" เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2517
นอกจากประเด็นการเมืองแล้ว อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบงก์ชาติอังกฤษตัดสินใจที่จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรนั้น ก็คือ ข้อมูลการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่ำเกินคาด ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของอังกฤษยังไม่แข็งแรงนัก
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปีนี้ แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่าจีดีพีในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 2553 น่าจะโตแข็งแกร่งกว่านี้ หลังจากที่ขยายตัว 0.4% ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อ พุ่งขึ้นแตะ 3.4% ในเดือนมีนาคม จากระดับ 3% ในเดือนกุมภาพันธ์