NIDA มองเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นจากวิกฤตกรีซ มองดบ.ยังทรงตัวถึง Q4/52

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 11, 2010 16:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (MPA NIDA) กล่าวว่า ค่าเงินสกุลเอเชียมีทิศทางแข็งค่ามากขึ้นจากการไหลเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อหาผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้นจากปัญหาวิกฤติทางการเงินของประเทศกรีซ ซึ่งรวมถึงค่าเงินบาทของไทยที่อาจแข็งค่าขึ้นจากระดับปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่ 32.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

และหากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากเกินไปย่อมส่งผลต่อการส่งออกที่ประเทศไทยยังต้องพึ่งพิงในสัดส่วนที่สูงถึง 70% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการพยุงเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ให้เป็นไปตามอัตราการเติบโตเป้าหมายในระดับ 4.5%

“ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติการเงินของยุโรป อาจจะไม่กระทบโดยตรงกับประเทศไทย แต่ยังต้องจับตามองสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งตลาดหุ้น อัตราดอกเบี้ย การส่งออก และค่าเงินบาท โดยเฉพาะเรื่องของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น หลังต่างชาติโยกเงินเข้ามาลงทุนในตลาดเอเชียและในไทยมากขึ้น ซึ่งแบงก์ชาติอาจจะเข้ามาดูแลเสถียรภาพของค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าเกินไปจนส่งผลเสียต่อการแข่งขันในการส่งออกสินค้าของไทย" นายมนตรี กล่าว

ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังอยู่ในภาวะทรงตัว และเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนี้จากปัจจุบันที่ 1.25% จนกว่าจะถึงไตรมาส 4 เนื่องจากยังต้องรอประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและวิกฤติการเงินของยุโรป ที่ส่งผลต่อเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยที่อาจเติบโตต่ำกว่าเป้าที่วางไว้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ