นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่า ผลกระทบวิกฤตหนี้กรีซกับการส่งออกไทยจะอยู่ในช่วง 0.2-0.4% ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นมากที่สุด แต่หากกรณีเลวร้ายสุดปัญหาลุกลามไปยังหลายประเทศในยุโรปอาจกระทบสูงถึง 1.2-1.5% แต่โอกาสเป็นไปได้น้อย
ทั้งนี้ จากการประเมินเห็นว่าหากปัญหาอยู่เฉพาะในกรีซจะมีผลกระทบการส่งออกไทย 0.1% แต่หากผลกระทบอยู่เฉพาะกรีซและโปรตุเกสจะกระทบการส่งออก 0.2-0.4% หรือคิดเป็นมูลค่า 613 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้มากที่สุด
และกรณีเลวร้ายสุด หากผลกระทบของกรีซ ลุกลามไปยังโปรตุเกส สเปน ไอร์แลนด์ และอิตาลี จะกระทบการส่งออก 1.2-1.5% คิดเป็นมูลค่า 2,533 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งต้องจับตาว่ากรีซจะสามารถแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลามไปยังประเทศอื่นได้หรือไม่
สำหรับกลุ่มสินค้าที่คาดว่าได้รับผลกระทบ รถยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น, อัญมณีและเครื่องประดับ, อาหารทะเล และเสื้อผ้า
ทั้งนี้ ประเทศไทยส่งออกไปยุโรปมูลค่า 18,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 10% ของการส่งออกทั้งหมด
นายอัทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมใกล้เคียงกับภูมิภาค หรืออยู่ที่ 41-42 บาทต่อยูโร เพราะหากแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 40-40.5 บาทต่อยูโร จะทำให้การส่งออกไทยไปกลุ่มยุโรปลดลง 270-540 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ผู้ประกอบการจำเป็นจะต้องปรับตัวใช้โอกาสนี้หาตลาดอื่นมาทดแทนตลาดยุโรป โดยเฉพาะตลาดเอเชีย โดยใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้าต่างๆ ที่ไทยได้จากการทำเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ) กับหลายๆ ประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด