ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: เงินปอนด์พุ่งแรง ขานรับ "เดวิด คาเมรอน" นั่งนายกฯคนใหม่อังกฤษ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday May 12, 2010 07:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) ขานรับนายเดวิด คาเมรอน ที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่ามาตรการเงินกู้ฉุกเฉินจะสามารถยับยั้งวิกฤตการณ์การเงินในยุโรปได้

ค่าเงินปอนด์พุ่งขึ้น 0.73% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ระดับ 1.4954 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.4846 ปอนด์/ดอลลาร์ ขณะที่เงินยูโรร่วงลง 0.75% แตะที่ 1.2685 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2781 ยูโร/ดอลลาร์

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.61% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 92.720 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 93.290 เยน/ดอลลาร์ และอ่อนตัวลง 0.03% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1098 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1101 ฟรังค์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.74% แตะที่ 0.8961 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันจันทร์ที่ 0.9028 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.76% แตะที่ 0.7167 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7222 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

ค่าเงินปอนด์ดีดตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังจากมีรายงานว่านายเดวิด คาเมรอน หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม วัย 43 ปี ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากสมเด็จพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 แห่งราชวงศ์อังกฤษ ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ หลังจากนายคาเมรอนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนขานรับแถลงการณ์ของนายคาเมรอนที่ว่า เขาจะฟอร์มคณะรัฐมนตรีที่มีความเหมาะสมและเต็มรูปแบบร่วมกับพรรคเสรีประชาธิปไตยของนายนิก เครก ซึ่งเขาเชื่อว่าจะช่วยนำพาประเทศอังกฤษไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง มีความแข็งแกร่ง และมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ คาเมรอนยังมีความตั้งใจที่จะลดยอดขาดดุลงบประมาณ

ขณะที่ค่าเงินยูโรร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่ามาตรการเงินกู้ฉุกเฉินมูลค่าเกือบ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และสหภาพยุโรป (อียู) อาจไม่สามารถป้องกันวิกฤตการณ์การเงินยุโรปได้

สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 2% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการขยายตัวแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2545 หรือในรอบเกือบ 8 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 0.3%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนมี.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนเม.ย.

ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ