นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เห็นชอบให้ชดเชยรายได้แก่เกษตรกรที่ลงทะเบียนตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2552/53 เพิ่มเติม ระหว่างวันที่ 15 มี.ค.-25 เม.ย.53 เนื่องจากราคาข้าวในพื้นที่ต่ำกว่าราคาอ้างอิง ทำให้ต้องจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรโดยตรง ซึ่ง กขช.จะพิจารณาชดเชยย้อนหลัง
ทั้งนี้ หากรัฐบาลตั้งราคาประกันไว้เกวียนละ 10,000 บาท สำหรับข้าวความชื้น 15% แต่ประกาศราคาอ้างอิงเกวียนละ 9,000 บาท รัฐบาลต้องชดเชยให้ชาวนาอีกเกวียนละ 1,000 บาท ภายใต้สมมติฐานที่ว่า ชาวนาต้องขายข้าวได้ราคา 9,000 บาท แต่ในความเป็นจริงชาวนาขายข้าวได้เพียงเกวียนละ 7,000 บาท และเมื่อบวกกับเงินที่รัฐบาลชดเชยให้ 1,000 บาท ชาวนาจะได้รับเงินเพียง 8,000 บาท ไม่ถึง 10,000 บาท/เกวียน ตามเจตนารมณ์ของระบบการประกันรายได้
"กขช.ได้มีการทบทวนการชดเชยหรือเยียวยาให้กับชาวนาใหม่ โดยจะชดเชยย้อนหลังไปถึงวันที่ราคาอ้างอิงสูงกว่าราคาที่ชาวนาขายได้รับจริง คือ ในช่วงวันที่ 15 มีนาคม-25 เมษายน 2553 โดยใช้เงินประมาณ 436.80 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงพาณิชย์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจะไปดำเนินการให้กับชาวนาที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 2 แสนคน แต่ทั้งนี้ราคาโดยเฉลี่ยในแต่ละสัปดาห์จะได้รับการชดเชยที่แตกต่างกันตามราคาข้าวในตลาดที่ขึ้น-ลงไม่เท่ากัน
สำหรับสูตรการคำนวณย้อนหลังมีดังนี้ ข้าวเปลือกเจ้า ช่วงระหว่างวันที่ 15-21 มี.ค.53 ได้รับการชดเชย 25 บาท/เกวียน, ช่วงวันที่ 22-28 มี.ค.53 ชดเชย 154 บาท/เกวียน, ช่วงวันที่ 29 มี.ค.- 4 เม.ย.ชดเชย 43 บาท/เกวียน, ช่วงวันที่ 5-11 เม.ย.ชดเชย 327 บาท/เกวียน และช่วงวันที่ 12-25 เม.ย.ชดเชย 675 บาท/เกวียน
ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานีจะได้รับการชดเชยดังนี้ ช่วงวันที่ 15-21 มี.ค.ชดเชย 147 บาท/เกวียน, ช่วงวันที่ 5-11 เม.ย.ชดเชย 167 บาท/เกวียน, ช่วงวันที่ 12-25 เม.ย.ชดเชย 646 บาท/เกวียน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มเติมหลังจากที่รัฐบาลได้มีการชดเชยให้กับชาวนาไปแล้ว
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กลุ่มเกษตรกรชาวนาส่วนใหญ่ต่างยอมรับในมาตรการดังกล่าวนี้ และหลังจากที่ได้มีการดำเนินมาตรการชดเชยฯ ทำให้ราคาข้าวเพิ่มขึ้นประมาณ 600 บาท/ตัน พร้อมกล่าวยืนยันว่า ถ้าข้าวความชื้น 15% ชาวนาจะได้รับการชดเชย 10,000 บาทอย่างแน่นอน แต่ถ้าความชื้นต่ำกว่า 15% ก็จะได้รับการชดเชยต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามลักษณะของข้าวที่ได้กำหนดไว้
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังอนุมัติให้นำข้าวสาร 5% ในสต็อกรัฐบาลจำนวน 60,000 ตัน สำหรับแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ยากจน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมต่อเนื่องหลังการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลบรมราชาภิเษกปีที่ 60 และเฉลิมพระชนมพรรษา โดยจะบรรจุถุงขนาด 1 กิโลกรัม รวม 60 ล้านถุง โดยกระทรวงพาณิชย์จะแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ/สำรวจรายชื่อประชาชนที่ยากจนจริงๆ และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวในท้องตลาด