เบี้ยประกันชีวิตรับรวมไตรมาสแรกปี 53 มีทั้งสิ้น 69,241.1 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 18.7 แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ 21,686.4 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 17.9 และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 47,554.8 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 19.0 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 90
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้กำหนดเป้าหมายว่าในปี 53 อัตราการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตรับรวม จะประมาณร้อยละ 15.3 ปรากฎว่าเมื่อสิ้นไตรมาสแรกของปี 53 อัตราการเติบโตเป็นร้อยละ 18.7 สูงกว่าที่คาดไว้ และสูงกว่าอัตราการเติบโตของไตรมาสแรกปี 52 ซึ่งโตร้อยละ 13.9
เบี้ยประกันภัยรับรวม(Total Premium)ซึ่งหมายถึงเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) รวมกับเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) มีทั้งสิ้น 69,241.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกัน 10,897.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละสูงถึง 18.7 เป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก (First Year Premium) 15,348.8 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 16.7 เบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว (Single Premium) 6,337.6 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 20.9 และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไป (Renewal Premium) 47,554.8 ล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 19.0 หรือคิดเป็นอัตราความคงอยู่ร้อยละ 90
บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ จำกัด จำนวน 21,114.1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 30.49 อันดับที่ 2 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 8,540.5 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.33 อันดับที่ 3 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด จำนวน 7,010.9 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.13 อันดับที่ 4 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,983.0 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.09 และ อันดับที่ 5 บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,211.0 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.97
หากจะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัทประกันชีวิต จะพิจารณาจากเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ (New Business Premium) ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2553 มีทั้งสิ้น 21,686.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันจำนวน 3,288.5 ล้านบาท อัตราการเติบโตสูงถึง ร้อยละ 17.9 แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับปีแรก 15,348.8 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับจ่ายครั้งเดียว 6,337.6 ล้านบาท
บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่รวมสูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุดในปี 53 นี้ 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บริษัท อเมริกันอินเตอร์เนชั่นแนลแอสชัวร์รันส์ จำกัด 4,732.0 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 21.8 อันดับที่ 2 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด 2,917.9 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 13.5 อันดับที่ 3 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 2,431.7 ล้านบาท สัดส่วนการตลาดร้อยละ 11.2 อันดับที่ 4 บริษัท กรุงไทยแอกซ่าประกันชีวิต จำกัด 2,087.2 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.6 และ อันดับที่ 5 บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)2,025.5 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.3
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่าการขยายงานของบริษัทที่เข้ามาเป็นอันดับ 2 ถึง 5 ได้มีการสลับเปลี่ยนอันดับอยู่เสมอ ทั้งนี้ช่องทางการขายผ่านธนาคารได้มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัทดังกล่าว
ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า สมาคมมีความมั่นใจว่าเมื่อถึงสิ้นปี 53 ธุรกิจประกันชีวิตจะมีอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ที่ร้อยละ 15.3 อย่างแน่นอน ไม่ว่า GDP ไทยจะโตตามที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการขยายตัวที่ 3.5 ถึง 4.5 หรือไม่ หรือแม้ว่าจะมีปัญหาทางการเมืองและทางเศรษฐกิจอย่างหนักหนาที่กำลังเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 2 นี้ ธุรกิจประกันชีวิตไทยยังจะสามารถฟันฝ่าวิกฤตไปได้ ซึ่งภาคธุรกิจเองได้คำนึงถึงความเสี่ยงและการวางแผนรองรับ
ประกอบกับการพัฒนากลยุทธ์ในการดำเนินงานด้านต่างๆ ของตนเองอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์ การบริการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การพัฒนาตัวแทนและช่องทางการจำหน่ายต่างๆ โดยเฉพาะการขายผ่านธนาคาร ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และหากรัฐสามารถแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการคำนวณเงินสำรองของการประกันชีวิตสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญเลี้ยงชีพ และเพิ่มค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ของการประกันชีวิตแบบบำนาญเพิ่มขึ้นอีก 100,000 บาท นอกเหนือจากค่าลดหย่อนจากเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปที่มีอยู่ 100,000 บาท รวมเป็น 200,000 บาท ได้ทันในปีภาษี 53 การประกันชีวิตในปี 53 อาจจะโตได้สูงถึงร้อยละ 20