ก.เกษตรฯ เตือนเกษตรกรลุ่มเจ้าพระยาเลื่อนปลูกข้าวนาปีอีก 1 เดือน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 12, 2010 16:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีออกไปก่อน จนกว่าฝนจะเริ่มตกชุกและมีปริมาณน้ำท่าเพียงพอต่อการเพาะปลูก ทั้งนี้ หากในช่วงเดือนมิถุนายนมีฝนตกชุก ก็อาจจะเลื่อนการทำนาปีให้เร็วขึ้นได้ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจะประกาศให้ทราบทันทีต่อไป เนื่องจากปริมาณน้ำดังกล่าวที่มีอยู่อย่างจำกัด

ขณะที่ความต้องการใช้น้ำขั้นต่ำสุด เพื่อการอุปโภค-บริโภค และรักษาระบบนิเวศน์ ในช่วงต้นฤดูฝนระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน 53 มีดังนี้ การใช้น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค ในพื้นที่ตอนท้ายเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ เหนือจังหวัดนครสวรรค์ ประมาณวันละ 6.91 ล้านลูกบาศก์เมตร การใช้น้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคในพื้นที่ทุ่งเจ้าพระยาฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ประมาณวันละ 6.53 ล้านลูกบาศก์เมตร การประปานครหลวง ประมาณวันละ 3.89 ล้านลูกบาศก์เมตร และการรักษาระบบนิเวศน์และผลักดันน้ำเค็ม(แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน) ประมาณวันละ 2.67 ล้านลูกบาศก์เมตร

รวมปริมาณน้ำใช้การทั้งหมดประมาณวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นการใช้น้ำจากปัจจุบันถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 53 ประมาณ 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหมายความว่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 53 จะเหลือปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์รวมกันเพียง 500 ลูกบาศก์เมตร เท่านั้น

อนึ่ง กรมชลประทาน ได้แจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้งดทำนาปรังครั้งที่ 2 เพราะไม่มีน้ำเพียงพอที่จะสนับสนุน แต่เนื่องจากในช่วงต้นปี 53 ที่ผ่านมา ราคาข้าวมีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มีพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง(ณ 30 เม.ย. 53) เพิ่มมากขึ้นถึง 9.61 ล้านไร่ มากกว่าแผนที่กำหนดไว้ถึง 3.66 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 162 ของแผนที่กำหนดไว้ ส่งผลให้มีการใช้น้ำเพิ่มมากขึ้น และไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีการใช้น้ำเกินแผนไปถึง 2,339 ล้านลูกบาศก์เมตร จากกรณีดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณน้ำใช้การได้จากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์รวมกัน(ณ 11 พ.ค. 53) เหลืออยู่เพียง 1,487 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่านั้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ