ค่าเงินยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของสกุลเงินยูโร และไม่มั่นใจว่ายุโรปจะสามารถหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์การเงิน แม้รัฐบาลสเปนประกาศใช้มาตรการรัดเข็มขัด และสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่าเศรษฐกิจยุโรปขยายตัวขึ้นก็ตาม
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.21% แตะที่ 1.2626 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2653 ยูโร/ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ดิ่งลง 0.84% แตะที่ 1.4827 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.4953 ปอนด์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.53% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 93.170 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.680 เยน/ดอลลาร์ แต่อ่อนตัวลง 0.02% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 1.1110 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.1112 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.16% แตะที่ 0.8930 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.8944 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย 0.8972 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดิ่งลง 0.50% แตะที่ 0.7126 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7162 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
นักลงทุนยังคงขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร แม้ยูโรสแตทเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศประจำไตรมาสแรกของปี 2553 ขยายตัว 0.2% จากไตรมาสสี่ปี 2552 ซึ่งดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้
ขณะที่รัฐบาลสเปนประกาศใช้มาตรการลดการขาดดุลงบประมาณขั้นเฉียบขาด รวมถึงการลดเงินเดือนข้าราชการเฉลี่ย 5% ตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีนี้ และระงับการขึ้นเงินเดือนในปี 2554 ซึ่งรัฐบาลสเปนคาดว่าจะช่วยลดรายจ่ายได้มากกว่า 1.5 หมื่นล้านยูโร (1.9 หมื่นล้านดอลลาร์) ภายในระยะเวลาสองปี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นความพยายามล่าสุดเพื่อรับประกันว่าสเปนจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับกรีซ โดยปัจจุบัน สเปนมียอดขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 11% ของจีดีพี
ค่าเงินปอนด์ร่วงลง หลังจากนายเดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษกล่าวว่า การลดยอดขาดดุลงบประมาณอาจต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง เพราะต้องการรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก่อนที่จะตัดสินใจใดๆ ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงาจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย. และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.