ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เศรษฐกิจของไทยซึ่งขยายตัวได้ดีมาตั้งแต่ต้นปีนี้ กำลังได้รับผลกระทบโดยตรงจากเหตุชุมนุมประท้วงที่ทวีความรุนแรงขึ้น ระบุตลาดหุ้นไทยที่เคยเป็นที่โปรดปรานของนักลงทุนต่างชาติเริ่มถูกแรงเทขาย ขณะธุรกิจในย่านใจกลางกรุงเทพฯเสียหายวันละหลายล้านดอลลาร์
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่า เหตุการณ์ชุมนุมส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลดลงระหว่าง 0.3 - 0.5% แล้วจนถึงขณะนี้ และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนอย่างมากจนไม่สามารถประเมินได้
ทั้งนี้ ถ้าหากการชุมนุมยังดำเนินต่อไปตลอดระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ก็จะส่งผลให้จีดีพีของไทยหดหายไปถึง 2%
ซีเอ็นเอ็นระบุว่า ย่านใจกลางกรุงเทพฯที่เคยคึกคักก็กลับเงียบเหงาเมื่อธุรกิจต่างๆต้องปิดทำการ เนื่องจากกลุ่มเสื้อแดงปักหลักยึดเป็นพื้นที่ชุมนุมกินอาณาบริเวณ 3 กิโลเมตร โดยร้านค้า 1,700 แห่ง และโรงแรม 10 แห่งในย่านนี้กำลังสูญเสียรายได้ราว 6 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
โดยการท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็น 6% ของเศรษฐกิจไทยและมีการจ้างงานมากกว่าหนึ่งล้านคนในอุตสาหกรรมนี้ ได้รับผลกระทบหนักสุดจากเหตุชุมนุมประท้วงที่เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งนายกรณ์กล่าวว่าว่า ภาพเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่ปรากฏบนหน้าจอทีวีทั่วโลกจนทำให้ชาวต่างชาติหวาดกลัวไม่กล้ามาท่องเที่ยวในไทย ตลอดจนการที่รัฐบาลหลายประเทศออกประกาศเตือนประชาชนของตนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางมาไทยนั้น ส่งผลให้มีการยกเลิกการจองทัวร์และที่พักแล้วจนถึงเดือนมิ.ย.และก.ค.เป็นอย่างน้อย
บันยันทรี โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งในไทย ได้คาดการณ์ว่า ยอดจองและขายที่พักจะได้รับผลกระทบในปีนี้ โดยนาย Ho KownPing ประธานกรรมการระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดีว่า หากสถานการณ์การเมืองในไทยยังไม่ได้ข้อยุติในเร็วๆนี้ ทางกลุ่มก็ยังไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนถึงผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีนี้
รัฐบาลยังคงคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะขยายตัวอย่างน้อย 4.5% ในปีนี้ และก่อนหน้านั้น ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยจะโตถึง 7% ในปีนี้
รายงานของซีเอ็นเอ็นกล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทิศทางการลงทุนเริ่มปรับสู่ช่วงขาลง เห็นได้จากการที่นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในตลาดหุ้นไทยเป็นมูลค่าถึง 130 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. และแรงขายยิ่งเพิ่มมากขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเม็ดเงินลงทุนหดหายไปสูงถึง 584 ล้านดอลลาร์ในหกวันทำการล่าสุด
นอกจากนี้ ถึงแม้ธุรกิจที่อยู่ห่างจากพื้นชุมนุมจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก และการลงทุนนอกพื้นที่กรุงเทพฯยังสามารถเดินหน้าได้ตามปกติ แต่นายกรณ์ก็ยอมรับว่า สถานการณ์การเมืองที่ยุ่งยากในไทยย่อมบั่นทอนความเชื่อมั่นและขั้นตอนการตัดสินใจของนักลงทุนอย่างแน่นอน