นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง แถลงว่า จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในขณะนี้ กระทรวงการคลังจึงขอเลื่อนการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็งปี 53 ออกไปอย่างไม่มีกำหนด จากเดิมที่จะเปิดขายตั้งแต่วันที่ 17-21 พ.ค.53 เนื่องจากเกรงว่าในช่วง 2 วันแรกที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้เปิดจองซื้อก่อนนั้นอาจเกิดความไม่ปลอดภัย
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังหารือกับธนาคารพาณิชย์ผู้จัดจำหน่ายทั้ง 12 แห่งแล้วเห็นพ้องกันให้เลื่อนการขายออกไปจนกว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ เชื่อว่าคงจะมีการเลื่อนการออกขายไม่นานและไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการเงินของคลังให้เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังยังคงเงื่อนไขการออกขายพันธบัตรตามเดิม ในวงเงินไม่เกิน 1 แสนล้านบาท อายุ 6 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบขั้นบันได คือ ปีที่ 1-2 ดอกเบี้ย 3% ปีที่ 3-4 ดอกเบี้ย 4% ปีที่ 5 ดอกเบี้ย 5% และปีที่ 6 ดอกเบี้ย 6%
"พรุ่งนี้วันแรกที่จะขายคนแก่ ก็อาจทำให้ลูกหลานเป็นห่วงได้ เพราะหามาชุมนุมกันหน้าแบงก์มาก เพื่อรอซื้อพันธบัตรอาจไม่ปลอดภัย และหารือกับแบงก์ผู้แทนจำหน่ายแล้ว ก็เห็นว่าให้เลื่อนออกไปจนกว่าสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ" นายกรณ์ กล่าว
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า การที่รัฐบาลเตรียมประกาศเคอร์ฟิวเพื่อควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองขณะนี้ ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่เป็นไปตามที่เคยคาดการณ์ไว้แล้วในกรณีที่การชุมนุมยืดเยื้อ
ขณะที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังไม่กระทบต่อแผนการทำงานของคลัง โดยในส่วนของการจัดทำ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 54 ยังคงเดินหน้าเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 24 พ.ค.นี้
ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม คงต้องรอผลสุดท้ายให้สถานการณ์ยุติลงก่อน แต่ในกรณีของผู้ประกอบการแยกราชประสงค์นั้น ถือเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชุมนุมยืดเยื้อมานานกว่า 1 เดือนแล้ว ส่วนประชาชนในพื้นที่อื่นที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลคงจะหามาตรการดูแลต่อไป
"ทรัพย์สินของเอกชน ยังไม่น่าห่วงเท่าชีวิตประชาชนที่ถูกใช้เป็นเกราะกำบังและเป็นเครื่องมือเงื่อนไขในการต่อรอง ทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถสลายการชุมนุมได้"รมว.คลัง กล่าว