ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 162.79 จุด หรือ 1.51% ปิดที่ 10,620.16 จุด ทรุดหนักต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ปิดร่วง 113.96 จุด
-- สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กร่วงลงต่อเนื่องปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบสามเดือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) จากการคาดการณ์ว่าความต้องการพลังงานจะฟื้นตัวช้า หากปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปยังดำเนินต่อไป
สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ร่วงลง 2.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.61 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. โดยเมื่อวันศุกร์ราคาเคลื่อนตัวในช่วง 70.83 - 74.13 ดอลลาร์
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) จากแรงขายทำกำไรในช่วงท้าย หลังจากที่ราคาทองพุ่งทำสถิติสูงสุดในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนหันลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดความเสี่ยง หลังจากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปที่สร้างความหวาดกลัวว่าจะฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
สัญญาทองคำ COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย.ลดลง 1.4 ดอลลาร์ มาปิดที่ระดับ 1,227.80 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังจากที่เคลื่อนตัวในช่วง 1,217.60 - 1,249.70 ดอลลาร์
-- ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 18 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนหวั่นเกรงว่า มาตรการรัดเข็มขัดเพื่อลดยอดขาดดุลจำนวนมหาศาลของรัฐบาลในยูโรโซนอย่าง กรีซ สเปน และโปรตุเกส อาจขัดขวางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้ และอาจลุกลามจนกระทบต่อการขยายตัวทั่วภูมิภาคยุโรป และแม้แต่เศรษฐกิจโลก
ค่าเงินยูโรร่วงลง 1.28% แตะ 1.2368 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.2528 ดอลลาร์ และอ่อนค่าลง 1.58% แตะ 114.26 เยน จากระดับ 116.10 เยน ขณะที่เงินปอนด์อ่อนลง 0.46% แตะที่ 1.4538 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4605 ดอลลาร์
-- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อศุกร์ที่ผ่านมา (14 พ.ค.) ปิดร่วงลงหนักสุดในรอบเกือบหกเดือน จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารและบริษัทเหมืองแร่ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนว่าวิกฤตหนี้ยุโรปจะขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ดัชนี FTSE ลบ 170.88 จุด หรือ 3.1% ปิดที่ 5,262.85 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว