นายลิม ชาง ยุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรมว.คลังเกาหลีใต้ ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารประเทศในช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงินเอเชียช่วงปี 2540 - 2541 กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า เกาหลีใต้มีโอกาสที่จะเผชิญปัญหาวิกฤตการณ์หนี้สาธารณะไม่ต่างจากยุโรป พร้อมกับแนะนำให้รัฐบาลควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณเพื่อป้องกันระบบเศรษฐกิจของประเทศ
"หนี้สาธารณะของเกาหลีใต้กำลังเพิ่มขึ้นรวดเร็วไม่ต่างกับหลายประเทศที่กำลังประสบปัญหาในยุโรป ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ผมกังวลใจมาก เศรษฐกิจเกาหลีใต้ขยายตัวเพราะถูกขับเคลื่อนจากมาตรการด้านการคลัง และเศรษฐกิจที่ขยายตัวด้วยเงินคงคลังของรัฐบาลเช่นนี้จะไม่ขยายตัวอย่างยั่งยืน" นายลิมกล่าว
นอกจากนี้ นายลิมกล่าวว่า บทเรียนสำคัญที่เขาได้รับจากประสบการณ์ในช่วงเกิดวิกฤตการณ์การเงินเอเชียก็คือว่า รัฐบาลไม่ควรเข้าไปแทรกแซงตลาดมากจนเกินไป โดยนายลิมเข้ารับตำแหน่งรมว.คลังเกาหลีใต้ได้เพียง 2 วันหลังจากรัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจขอกู้ยืมเงินฉุกเฉินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อแก้ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้สาธารณะในปี 2540
กระทรวงการคลังเกาหลีใต้เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลเกาหลีใต้ในปี 2552 พุ่งขึ้น 16% สู่ระดับ 360 ล้านล้านวอน หรือ 33.8% ของตัวเลขจีดีพี และมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นแตะระดับ 37.6% ของตัวเลขจีดีพีในปีหน้า
คณะทำงานของประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายมูลค่า 38.8 ล้านล้านวอน หรือ 3.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมกับขยายการบังคับใช้มาตรการดังกล่าวมาจนถึงปีนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลยังคงใช้มาตรการดังกล่าวแม้ธนาคารกลางเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัว 5.2% ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 4 ปีก็ตาม