ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด โดยเฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็น 3.2 - 3.7% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัวเพียง 2.8 - 3.5%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 9.1 - 9.5% ในปีนี้ จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 9.5 - 9.7% เนื่องจากตลาดแรงงานสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
รายงานการประชุมระบุว่า คณะกรรมการเฟดจะยังคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed fund rate) ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0 - 0.25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฟดเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ และอัตราการนำทรัพยากรมาใช้ให้เกิดประโยชน์ (resource utilization) ก็อยู่ในระดับต่ำด้วย ด้วยเหตุนี้เฟดจึงมั่นใจว่าการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะนั้น จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมา
อย่างไรก็ตาม นายโธมัส โฮนิ่ง ผู้ว่าการเฟดสาขาแคนซัสซิตี้ ได้ออกเสียงคัดค้านการตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการคัดค้านติดต่อกัน 2 สมัยการประชุม พร้อมกับแนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่ระดับ 1% ในฤดูร้อนปีนี้ แล้วจึงค่อยประเมินภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไป
นอกจากนี้ รายงานการประชุมยังระบุว่า คณะกรรมการเฟดแสดงท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ และกังวลว่าปัญหาดังกล่าวอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินและความเชื่อมั่นในยุโรปด้วย สำนักข่าวซินหัวรายงาน