นางวัชรี ถิ่นธานี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ ดังนั้น สำนักพัฒนาปัจจัยฯ จะใช้การสัมมนาเป็นเวที สร้างแรงกระตุ้นให้เอสเอ็มอีเห็นถึงโอกาส และแนวทางที่จะพาธุรกิจของตัวเองให้อยู่รอดได้ อย่างน้อยที่สุดจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
โดยในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. 2553 นี้ สำนักพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุน จะจัดสัมมนา ส่งเสริมการลงทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี เรื่อง "บทบาทบีโอไอในการส่งเสริมเอสเอ็มอีไทย" ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียงเกิดความเข้าใจเชิงรุกเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมเอสเอ็มอีที่บีโอไอได้ปรับปรุงเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ รวมทั้งขยายประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมมากขึ้นถึง 57 ประเภท ตลอดจนสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรที่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีจะได้รับ และการเข้าถึงแหล่งทุน
นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีร่วมแสดงความคิดเห็นพร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องโอกาสและอุปสรรคในธุรกิจตนเอง โดยบีโอไอจะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีเหล่านี้ เกิดโอกาสและช่องทางที่จะลงทุนในประเทศเพิ่มขึ้น
ในงานสัมมนายังมีการเสวนาหัวข้อเรื่อง เอสเอ็มอีกับการเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยได้รับความร่วมมือจากผู้แทนบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม ผู้แทนธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว มาให้ความรู้เรื่องการทำธุรกิจและการเข้าถึงแหล่งทุนโดยง่าย ซึ่งหลังจบงานจะมีโต๊ะให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ผู้ประกอบการ ทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่ต้องการขยายกิจการหรือลงทุนเพิ่มเติม
สำหรับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มเอสเอ็มอีตามปีงบประมาณ 2553 นั้น สำนักพัฒนาปัจจัยสนับสนุนการลงทุนได้จัดกิจกรรมมาแล้ว 2 ครั้ง ที่ จ.สุพรรณบุรี และ พิษณุโลก ครั้งต่อไปคือช่วงเดือนส.ค.จะจัดกิจกรรมที่ จ.อ่างทอง
ขณะที่ผลตอบรับของผู้ประกอบการหลังจากเข้ารับฟังข้อมูลการส่งเสริมการลงทุน ในกิจการเอสเอ็มอี ล่าสุดมีผู้ประกอบการกิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ มายื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ เงินลงทุนจำนวน 30 ล้านบาท รวมทั้งผู้ประกอบการมาติดต่อขอรับการส่งเสริมลงทุนในกิจการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีกำลังการผลิต 625 กิโลวัตต์ต่อปี เงินลงทุน 74 ล้านบาท