นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการควบรวมกิจการของสถาบันการเงินตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 (ปี 53-54)ที่กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ร่วมกันจัดทำ
สาระสำคัญของมาตรการดังกล่าว คือ 1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่สถาบันการเงินสำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้น หรือเนื่องจากการที่สถาบันการเงินควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กัน
2.ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่สถาบันการเงินสำหรับมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้น หรือ เนื่องจากการที่วถาบันการเงินมีการโอนกิจการบางส่วนให้แก่กัน, 3.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่ผู้ถือหุ้นของสถาบันการเงิน สำหรับผลประโยชน์ที่ได้จากการที่สถาบันการเงินควบหรือโอนกิจการทั้งหมดให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งตีราคาเป็นเงินได้เกินกว่าทุน
4.การลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์ และอาคารชุดเหลือร้อยละ 0.01 สำหรับสถาบันการเงินที่ควบเข้ากันหรือโอนกิจการทั้งหมด หรือบางส่วนให้แก่กันตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
มาตรการภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยบรรเทาปัญหาและอุปสรรคที่อาจจะเกิดจากการควบรวมสถาบันการเงิน โดยผลของการควบรวมกิจการ จะมีส่วนเสริมสร้างประสิทธิภาพของสถาบันการเงินให้สามารถแข่งขันและสอดรับการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทางการเงินภายในและต่างประเทศได้ รวมทั้งมีส่วนช่วยให้ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถรับบริการได้ดีขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพจากสถาบันการเงิน