กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศในเดือน เม.ย.53 ว่า การส่งออกมีมูลค่า 14,091 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 35.2% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าขยายตัว 46.0% คิดเป็นมูลค่า 14,357 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าประมาณ 266 ล้านดอลลาร์
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 52 โดยการส่งออกสินค้าสำคัญเพิ่มขึ้นในทุกหมวด โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่มขึ้น 27.5% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ เพิ่มขึ้นถึง 37.1%
การส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมการเกษตร สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า ได้แก่ มันสำปะหลัง น้ำตาล อาหารทะเลแช่แข็ง อาหารกระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ ส่วนข้าว ลดลงทั้งปริมาณและมูลค่า เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดีย และการแข็งค่าของเงินบาท
สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญที่เพิ่มขึ้นได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง และอัญมรี เป็นต้น
ขณะที่ในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.53) การส่งออกมีมูลค่า 58,471.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 32.45% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 56,627.5 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 54.88% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 1,844.1 ล้านดอลลาร์
สำหรับปัจจัยบวกทีเอื้อต่อการส่งออก มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันผู้ส่งออกยังยอมรับได้ ขณะที่การเมืองยังไม่มีผลต่อการส่งออกในขณะนี้ แต่การประกาศเคอร์ฟิวอาจมีปัญหาในเรื่องของการขนส่งบ้าง
พร้อมกันนี้ รมว.พาณิชย์ ยังยืนยันเป้าส่งออกปี 53 โต 14% คิดเป็นมูลค่า 1.72 แสนล้านดอลลาร์