ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศไทยส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมและค้าปลีกอย่างหนัก เนื่องจากธุรกิจเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ซึ่งกำลังเผชิญทิศทางขาลงรุนแรงในไตรมาส 2 ปีนี้ อย่างไรก็ดี ธุรกิจภาคอื่นๆ เช่น น้ำมันและก๊าซ ปิโตรเคมี สาธารณูปโภค โทรคมนาคม วัสดุก่อสร้าง การก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ น่าจะได้รับผลกระทบในวงจำกัด เนื่องจากภาคธุรกิจเหล่านี้พึ่งพาตลาดส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวมของไทยมากกว่า โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.8% ในปีนี้
ฟิทช์ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองทำให้อัตราการจองห้องพักของโรงแรมย่านใจกลางกรุงเทพฯทรุดฮวบลง โดยอัตราการจองห้องพักโดยเฉลี่ยในเดือนเม.ย.ปีนี้อยู่ที่ 40% ขณะที่บางโรงแรมมีอัตราการจองห้องพักไม่ถึง 10% ซึ่งร่วงลงจากระดับเฉลี่ยที่ 70% ในไตรมาสแรกปีนี้ แต่ถึงกระนั้น โรงแรมในพื้นที่ส่วนอื่นๆของประเทศก็มีอัตราการจองห้องพักที่ดีกว่า
ทั้งนี้ ตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าที่ลดลงมากขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศในช่วงสองไตรมาสข้างหน้า โดยฟิทช์คาดว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวขาเข้าในไตรมาส 2 และ 3 ปีนี้ จะลดลงไปอีก แต่ถ้าสถานการณ์มีเสถียรภาพแล้ว ฟิทช์คาดว่า ยอดนักท่องเที่ยวขาเข้าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานของภาคธุรกิจโรงแรมไทยที่อ่อนแอมานับตั้งแต่ปี 2551 และผู้ประกอบการก็ต้องแบกรับต้นทุนการดำเนินงานในระดับสูง ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมที่มีภาระการลงทุนระดับสูงจึงอยู่ในสถานภาพที่อ่อนไหวเปราะบางมากกว่า