นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วง 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 53 (ต.ค.52-เม.ย.53) รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ 239,472 ล้านบาท
ทั้งนี้ รัฐบาลมีรายได้ 840,070 ล้านบาท เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลการจัดเก็บภาษีบนฐานการบริโภคและการนำเข้า โดยภาษีที่จัดเก็บได้เพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ ภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ และอากรขาเข้า รัฐบาลยังมีรายได้เพิ่มจากการรับโอนเงินยึดทรัพย์ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 49,016 ล้านบาท
ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,079,542 ล้านบาท เมื่อรวมกับการขาดดุลเงินนอกงบประมาณ 54,042 ล้านบาท ส่งผลให้ขาดดุลเงินสดรวม 293,514 ล้านบาท และรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 175,572 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดหลังกู้ทั้งสิ้น 117,942 ล้านบาท โดยมีเงินคงคลัง ณ สิ้นเดือน เม.ย.53 อยู่ที่ 175,893 ล้านบาท
"แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่เหลือของปี แต่จากผลการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับฐานะเงินคงคลังที่เข้มแข็ง จึงมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินบทบาทในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ ควบคู่ไปกับการรักษาระดับฐานะการคลังให้มีความมั่นคงต่อไป"นายสาธิต กล่าว