ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความเสียหายในทรัพย์สินของจุฬาฯ พบว่า อาคารที่เกิดเพลิงไหม้ รวมถึงผลประโยชน์ที่จุฬาฯ ควรได้รับจากค่าเช่าพื้นที่ต่างๆ เสียหายรวมมากกว่า 600 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าอาคารไม่น้อยกว่า 240 ล้านบาท และค่าเช่าที่ควรจะได้รับ ไม่น้อยกว่า 370 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ชาวจุฬาฯ ทั้งนิสิตปัจจุบัน ศิษย์เก่า และบุคลากร พร้อมใจรวมพลังเพื่อช่วยเหลือและเยียวยาฟื้นฟูสังคม ซึ่งได้รับความเดือดร้อน เตรียมจัดกิจกรรมช่วยเหลือ หาสถานที่ให้จำหน่ายสินค้าชั่วคราวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังให้คณะต่างๆ มีส่วนร่วม อาทิ คณะจิตวิทยา จัดสายด่วนเยียวยาจิตใจ โทร 02-218-0336-8 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ และ โทร 085-0422626 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.00-21.00 น. คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ โทร 02-2185781
ด้านรศ.น.อ.นพ.เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดี กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา จุฬาฯ ได้เปิดให้ผู้ประกอบการที่ได้รับความเดือดร้อนมาลงทะเบียน พบว่ามีผู้เดือดร้อนกว่า 700 ราย ในจำนวนนี้มีกว่า 200 ราย ที่ถูกเพลิงไหม้ร้านค้า ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบรายชื่อ และรวบรวมให้รัฐบาลช่วยเหลือต่อ ส่วนจุฬาฯ กำลังเร่งช่วยเหลือโดยระยะแรกได้เตรียมพื้นที่ชั่วคราวให้ผู้ค้าสามารถประกอบกิจการได้ภายใน 2 วันนี้ ด้วยการตั้งเต็นท์จำหน่ายสินค้าชั่วคราวบริเวณ สยามสแควร์ซอย 4 ลาน 2 และบริเวณศูนย์ดิจิตอล เกทเวย์ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
สำหรับในระยะกลาง จะสร้างร้านค้าชั่วคราวกึ่งถาวร ที่สยามสแควร์ซอย 1,2 และ 3 บริเวณ ลาน 1 และลาน 3 คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนกรกฏาคมนี้ ช่วงแรกจะไม่เก็บค่าใช้จ่าย และระยะยาวจะสร้างอาคารถาวรเพื่อทดแทนอาคารที่ได้รับความเสียหาย และจะจัดกิจกรรมพิเศษอย่างต่อเนื่องเพื่อฟื้นฟูสยามสแควร์ต่อไป สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ เช่น การยกเว้น หรือลดค่าเช่านั้น กำลังมีการพิจารณาอย่างละเอียด และนำเสนอคณะกรรมการจัดการทรัพย์สินต่อไป โดยคณะกรรมการจะพยายามช่วยเหลือให้ถึงผู้ได้รับความเดือดร้อนที่แท้จริง ซึ่งยอมรับว่ามีความยากลำบากเนื่องจากการเช่าพื้นที่มีความซับซ้อน มีการเช่าช่วง และเช่าต่อ หลายทอด ซึ่งจะตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด