ไฟแนนเชียลไทมส์เผย จีนทบทวนการถือครองพันธบัตรยุโรป เหตุวิตกปัญหาหนี้ลุกลาม

ข่าวต่างประเทศ Thursday May 27, 2010 08:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานว่า สำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ซึ่งเป็นหน่วยงานบริหารจัดการทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในสังกัดธนาคารกลางจีน กำลังประชุมร่วมกับกลุ่มผู้บริหารธนาคารต่างชาติที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหารือและทบทวนการถือครองพันธบัตรรัฐบาลยุโรป ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดเสถียรภาพด้านการเงินในยุโรป และความกังวลเกี่ยวกับยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงในยุโรป รวมถึงกรีซและโปรตุเกส

รายงานระบุว่า SAFE ถือครองพันธบัตรยูโรโซนราว 6.30 แสนล้านดอลลาร์ในทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนซึ่งมูลค่าสูงถึง 2.4 ล้านล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลทั้งในตลาดปริวรรตเงินตราและตลาดหุ้นนิวยอร์ก จนทำให้ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงหลุดจากระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 เดือน และฉุดค่าเงินยูโรร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.)

นักวิเคราะห์จากซีพอร์ท ซิเคียวริตีส์ ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น จีนพยายามหาช่องทางในการนำเม็ดเงินจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่มีอยู่จำนวนมากนั้น ออกมากระจายความเสี่ยง ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์สกุลเงินอื่นๆที่นอกเหนือจากดอลลาร์ แต่เนื่องจากยุโรปกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์การเงิน จึงอาจทำให้จีนขาดความเชื่อมั่นในสกุลเงินยูโร และเริ่มทบทวนการถือครองพันธบัตรของรัฐบาลยุโรป

การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของสกุลเงินยูโรสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนไม่มั่นใจว่ารัฐบาลในยุโรปจะสามารถแก้ปัญหาหนี้สาธารณะได้ อีกทั้งกังวลว่าหากมีการใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดเกินไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของยุโรปด้วย โดยนางเอเลนา ซาลกาโด รมว.คลังสเปน ยอมรับว่า มาตรการรัดเข็มขัดที่มีเป้าหมายจะลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล อาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในปี 2554

ส่วนที่ประเทศอังกฤษนั้น นายจอร์จ ออสบอร์น รมว.คลังอังกฤษ ระบุว่า รัฐบาลอังกฤษมีแผนปรับลดงบประมาณรายจ่ายลงราว 6.2 พันล้านปอนด์ (8.92 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากยอดขาดดุลงบประมาณของอังกฤษในขณะนี้มีอยู่สูงเกือบถึง 11 % ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

อย่างไรก็ตาม สหภาพแรงงานอังกฤษระบุว่า แผนปรับลดงบประมาณจะสร้างความเสียหายต่อภาคบริการและเศรษฐกิจอังกฤษ และทำให้ตำแหน่งงานหลายพันตำแหน่งเผชิญกับความเสี่ยง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ