นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุยังคงประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ยังอยู่ที่ 3.5-4.5% แม้ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้จะขยายตัวสูงถึง 12% แต่ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงทางการเมืองทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจคงไม่สามารถขยายตัวได้ถึง 6-7% ตามที่หลายฝ่ายคาดหวังไว้ โดยเฉพาะการชะลอตัวด้านการท่องเที่ยว
"แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสามเดือนแรกจะอยู่ที่ร้อยละ 12 ซึ่งหากเป็นเหตุการณ์ปกติเศรษฐกิจน่าจะโตได้ถึง 6-7 เปอร์เซ็นต์ แต่เรายังคงประมาณการไว้อยู่ระหว่าง 3.5-4.5 เปอร์เซ็นต์สำหรับปีนี้ ซึ่งรัฐบาลจะเริ่งฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไป" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวทางรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" ทางสถานีโทรทัศน์ NBT เช้านี้
โดยอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้(ม.ค.-มี.ค.53) ที่ระดับ 12% ถือเป็นการฟื้นตัวที่มีความเข้มแข็งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เศรษฐกิจหดดัวถึง 7.1% โดยตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นทุกตัว ทั้งการส่งออกขยายตัว การท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศ ตลอดจนการลงทุนภาคเอกชน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 54 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นำโครงสร้างด้านการเงินการคลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เดินหน้าดูแลเรื่องสวัสดิการที่ทัดเทียมกันของประชาชน และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความจำเป็น ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับที่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ แตกต่างจากหลายประเทศที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องนี้
"ช่วงเริ่มต้นวิกฤตมีการประมาณการกันว่าหนี้สาธารณะของประเทศพอสิ้นปีนี้น่าจะเกินร้อยละ 50 ของรายได้ประชาชาติ แต่ขณะนี้จะไม่ถึงร้อยละ 50 แล้ว และคาดว่าจะสามารถบริหารจัดให้เริ่มลดลงได้ในระยะต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว