นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ(FDI) ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-เม.ย.53) ยังคงมีนักลงทุนต่างชาติแสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการลงทุนจากต่างประเทศยื่นขอรับส่งเสริมจำนวนทั้งสิ้น 245 โครงการ เพิ่มขึ้น 31.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีจำนวน 186 โครงการ
ส่วนมูลค่าเงินลงทุนของโครงการจากต่างประเทศก็ขยายตัวถึง 146% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 53,302 ล้านบาท ขณะที่ช่วงเดียวกันของปีก่อนมีมูลค่า 21,672 ล้านบาท
"โครงการลงทุนและมูลค่าการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นำมาสู่การวางแผนลงทุนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย" นางอรรชา กล่าว
สำหรับโครงการที่ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนดังกล่าวมีทั้งการลงทุนโครงการใหม่ 130 โครงการ และขยายการลงทุนจากที่เคยลงทุนในไทยอยู่แล้ว 115 โครงการ ด้านมูลค่าการลงทุนมาจากโครงการลงทุนใหม่ประมาณ 24,516.3 ล้านบาท และโครงการขยายกิจการประมาณ 28,786.4 ล้านบาท
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า กิจการที่นักลงทุนต่างชาติยื่นขอส่งเสริมและมีเงินลงทุนสูงสุด คือ กิจการผลิตผลิตภัณฑ์โลหะเครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 67 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 16,911 ล้านบาท รองลงมา คือ กิจการบริการและสาธารณูปโภค 57 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 12,697 ล้านบาท และอันดับสามคือกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 49 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 8,439 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นยังคงเป็นชาติที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมากที่สุด มีจำนวนโครงการที่ขอรับส่งเสริม 99 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 25,611 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 152% จากปีก่อน ตามมาด้วยการลงทุนจากสิงคโปร์ มีจำนวน 25 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 6,897 ล้านบาท และจีนมีโครงการยื่นขอส่งเสริมรวม 9 โครงการ ปริมาณเงินลงทุน 6,443 ล้านบาท