ชาร์ลส์ อีวานส์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกกล่าวว่า วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรปส่งผลให้เฟดยังคงต้องคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ขณะที่ชาร์ลส์ พลอสเซอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องจับตาสถานการณ์ด้านวิกฤตหนี้สินในยุโรป เพื่อนำมาปรับใช้กับมาตรการรับมือด้านนโยบายการเงินในสหรัฐ
การแสดงความเห็นของผู้ว่าการเฟดข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่า ทั่วโลกกำลังพุ่งความสนใจมายังสถานการณ์ด้านวิกฤตการเงินยุโรปที่มีชนวนเหตุมาจากปัญหาขาดดุลงบประมาณในกรีซ สเปน และโปรตุเกส ซึ่งธนาคารกลางในเอเชียหลายแห่งอาจคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมเช่นกัน เพราะยังต้องประเมินผลกระทบที่มีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก
อีวานส์กล่าวว่า วิกฤตหนี้สินในยุโรปยิ่งฉายภาพแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอุปสงค์สินค้าของสหรัฐที่ร่วงหนักเกินคาดอันเนื่องมาจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปจะบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐได้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0 - 0.25% ในการประชุมเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ใช้มาตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 พร้อมทั้งกล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐยังคงอยู่ในระดับต่ำเช่นนี้ต่อไป
นอกจากนี้ อีวานส์เสริมว่า สหรัฐควรใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนปรนในระยะนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงส่งผลต่อเสถียรภาพของราคาสินค้า ขณะที่อัตราว่างงานของสหรัฐยังอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่หากสถานการณ์เงินเฟ้อพลิกผันอย่างไม่ทันตั้งตัว เฟดจะต้องมีมาตรการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่รวดเร็วมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการเฟดทั้งสองท่านมองว่า ปัญหายุโรปจะสร้างความเสียหายต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐในวงจำกัด