นายกรัฐมนตรีโฆเซ่ หลุยซ์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ของสเปน กำลังถูกโดดเดี่ยวจากรัฐสภา ขณะที่คะแนนนิยมก็กำลังปรับตัวลดลง หลังมีการประกาศแผนควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีที่เป็นเหตุให้ฟิทช์ เรทติ้งส์ ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือสเปนลงจาก AAA เป็น AA+
โดยนายกรัฐมนตรีสเปนถูกตั้งคำถามถึงความสามารถในการกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลลดการใช้จ่าย ซึ่งข่าวการหั่นอันดับเครดิตของฟิทช์ได้ส่งผลกระทบให้ตลาดหุ้นสหรัฐและเงินยูโรอ่อนตัวลง ท่ามกลางความกังวลว่าวิกฤตหนี้สินในยุโรปจะขยายวงกว้างไปยังประเทศอื่นๆ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การหั่นอันดับเครดิตดังกล่าวนับเป็นข่าวร้ายของรัฐบาล เพราะแสดงให้เห็นว่าการทำงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ และดูเหมือนว่าการปรับลดการใช้จ่ายเงินงบประมาณจะไม่ได้ช่วยให้ภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจของสเปนดีขึ้นแต่อย่างใด
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชาชนจำนวนมากต่างคัดค้านแผนการควบคุมงบประมาณของนายซาปาเตโร ขณะที่หลายฝ่ายมองว่าเป้าหมายในการควบคุมยอดขาดดุลการค้าที่พุ่งสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มประเทศยุโรปนั้นไม่สามารถควบคุมการพุ่งขึ้นของค่าความเสี่ยงในสเปนได้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกปกคลุมด้วยความกังวลว่า แผนการช่วยเหลือสหภาพยุโรปมูลค่า 7.50 แสนล้านยูโรจะไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินในประเทศเหล่านี้ได้เช่นกัน
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา นายซาปาเตโรประกาศถึงการปรับลดค่าจ้างภาครัฐเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี รวมถึงการยุติการจ่ายเงินบำนาญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการรัดเข็มขัด โดยมีเป้าหมายที่จะลดยอดขาดดุลการค้าจากระดับ 11.2% ของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปีที่ผ่านมาลงมาอยู่ที่ 6% ในปี 2554
ทั้งนี้ ฟิทช์ได้ให้เหตุผลในการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสเปน โดยอ้างผลกระทบจากการใช้มาตรการรัดเข็มขัดของสเปนที่มีต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ พร้อมทั้งชี้ว่า การปรับลดอันดับเครดิตของสเปนในส่วนของภาคเอกชนและตัวเลขหนี้สินจากต่างประเทศจะส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสเปนในระยะกลาง