ยูโรร่วงเทียบสกุลเงินหลักๆเช้านี้ ขณะนักลงทุนหวั่นแผนลดยอดขาดดุลกระทบเศรษฐกิจยุโรป

ข่าวต่างประเทศ Tuesday June 1, 2010 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวช่วงเช้าวันนี้ โดยหากเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ยูโรดิ่งลงหนักสุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากความกังวลที่ว่ามาตรการลดยอดขาดดุลในยุโรปจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมในทวีปยุโรปด้วย

ทั้งนี้ ณ เวลา 08.16 น.ตามเวลากรุงโตเกียวในวันนี้ ค่าเงินยูโรดิ่งลงสู่ระดับ 1.2286 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2306 ดอลลาร์ หากเทียบกับเงินเยน ยูโรดิ่งลงแตะระดับ 112.05 เยน จากระดับ 112.31 เยน และเมื่อเทียบกับเงินปอนด์ ยูโรดิ่งลงสู่ระดับ 84.58 เพนซ์ จากระดับ 84.65 เพนซ์

นักวิเคราะห์จาก Gaitame.Com Research Institute ในญี่ปุ่นกล่าวว่า ค่าเงินยูโรยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่ามาตรการลดยอดขาดดุลของหลายประเทศในยุโรป รวมถึง กรีซ สเปน และโปรตุเกส จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมในทวีปยุโรป โดยล่าสุดมีรายงานว่ามาตรการลดการใช้จ่ายครั้งใหญ่ที่มีเป้าหมายเพื่อหั่นยอดขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ได้ส่งผลลบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลสเปน ดังเห็นได้จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนครั้งล่าสุด

โพลล์ที่จัดทำโดย ซิกมา โดส และตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ เอล มุนโด แสดงให้เห็นว่า มาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งรวมถึงการลดเงินเดือนข้าราชการและการระงับการจ่ายเงินบำนาญ ได้ฉุดรั้งคะแนนนิยมของนายกรัฐมนตรี โฆเซ่ หลุยซ์ โรดริเกซ ซาปาเตโร ของสเปนให้ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยพรรคการเมืองฝ่ายค้านปีกขวาอย่างพรรคป๊อปปูลาร์มีคะแนนนิยม 45.6% เหนือพรรคโซเชียลลิสต์ ของนายซาปาเตโร ที่ได้ไปเพียง 35.1% สำนักข่าวซินหัวรายงาน

คณะกรรมาธิการยุโรปเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริหารและผู้บริโภคในยุโรปที่มีต่อเศรษฐกิจใน 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 98.4 จุด จากระดับ 100.6 จุดในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าความเชื่อมั่นจะยังคงอยู่ที่ระดับ 100.6 จุด ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคในกลุ่มยูโรโซน เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ค. ซึ่งขยายตัวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7% กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์หลายคนคาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 เพราะได้รับแรงหนุนจากการที่ภาครัฐจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อทำการสำรวจจำนวนประชากรครั้งใหญ่ที่จัดขึ้นทุก 10 ปีในปีนี้ ขณะที่ภาคเอกชนน่าจะมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นราว 180,000 อัตรา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ