สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้ออินโดนีเซียขยายตัวแตะ 4.16% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี อันเป็นผลมาจากราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวยังไม่สูงพอที่จะกดดันให้ธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 4 มิถุนายนนี้ และคาดว่าธนาคารกลางจะตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 6.5% ต่อไปจนถึงปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของ เอกัส มาร์โตวาร์ดโจโจ รัฐมนตรีคลังคนใหม่ของอินโดนีเซีย ซึ่งกล่าวไว้เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ธนาคารกลางอินโดนีเซียตรึงดอกเบี้ยไว้ที่ 6.5% มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่มีการขึ้นดอกเบี้ย 3% ในเดือนธันวาคมปี 2551 เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจอินโดนีเซียได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก
อินโดนีเซียคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะขยายตัวแตะระดับ 5.3% ในสิ้นปีนี้ ขณะที่จีดีพีน่าจะขยายตัว 5.8-6% ในปีนี้
ด้านการส่งออกของอินโดนีเซียทะยาน 42.56% แตะที่ 1.205 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และสำหรับปี 2553 คาดว่ายอดส่งออกจะขยายตัว 15.8% หลังจากที่หดตัว 14.98% แตะที่ 1.1649 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
สำหรับยอดนำเข้าพุ่งถึง 71.98% แตะที่ 1.153 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเมษายนเมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสินค้านำเข้าส่วนมากเป็นอาหารและวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรม สำนักข่าวซินหัวรายงาน