นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เปิดเผยถึงกรณีที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรมว.คมนาคม ถึงปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาค่าก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ว่า มติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51 ได้อนุมัติราคาค่าก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงรวม 36,055 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานตรง 29,724 ล้านบาท เงินสำรองจ่าย 3,972 ล้านบาทและภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,359 ล้านบาท
แต่ต่อมา รฟม.ได้ดำเนินการประกวดราคาและมีการปรับโครงสร้างราคาค่าก่อสร้างใหม่ เป็นวงเงินรวม 36,055 ล้านบาท แบ่งเป็นค่างานตรง 35,620 ล้านบาท เงินสำรองจ่าย 435 ล้านบาท และไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม การไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่มเพราะเป็นการดำเนินงานตามเงื่อนไขขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) ที่ไม่ให้กู้เงินเพื่อนำมาชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม
และสาเหตุที่วงเงินรวมไม่ลดลงแม้ว่าจะไม่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม 2,359 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับราคาค่าก่อสร้างจากราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างและราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มจากลิตรละประมาณ 26 บาท เป็น 44 บาท ประกอบกับราคาค่าก่อสร้างเดิมมีค่างานต่ำกว่าความเป็นจริง ส่วนการปรับลดเงินสำรองจ่ายจากเดิม 3,972 ล้านบาท เป็น 435 ล้านบาทนั้น เป็นการปรับโดยยึดการคำนวณตามเนื้องานการรื้อย้ายสาธารณูปโภคจริงไม่ใช่การคิดเผื่อเหลือเผื่อขาด
"รฟม.ได้เสนอเรื่องดังกล่าวให้ครม.พิจารณาในวาระเพื่อพิจารณารับทราบผลการดำเนินงาน ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะกรรมการรัฐมนตรีในขณะนั้นเห็นว่าไม่จำเป็นต้องเสนอในวาระเพื่อพิจารณาอนุมัติ เนื่องจากไม่ได้ขอปรับเพิ่มวงเงิน ส่วนกรณีที่ฝ่ายค้านระบุว่าไจก้ามีหนังสือให้ยกเลิกโครงการนั้น ไม่เป็นความจริง ไจก้าไม่เคยมีหนังสือดังกล่าวมายังรฟม.
ในทางตรงข้ามไจก้าได้เตือนรฟม.กรณีการเจรจาต่อรองราคากับผู้รับจ้าง ซึ่งบอร์ดรฟม.ได้พิจารณาแนวทางที่ดีที่สุดต่อรฟม. โดยเจราจาต่อรองราคาค่าก่อสร้างและสามารถประหยัดค่าก่อสร้างได้กว่า 3,000 ล้านบาท แทนการส่งราคาที่ผู้รับจ้างเสนอโดยไม่มีการเจราจาซึ่งหากรฟม.ส่งราคาดังกล่าวก็เชื่อว่าไจก้าจะรับราคานั้น และจะทำให้วงเงินค่าก่อสร้างสูงขึ้นอีก" นายสุพจน์ กล่าว