ค่าเงินเยนร่วงลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 มิ.ย.) เนื่องจากการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นของนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของเงินเยน โดยเฉพาะกระแสคาดการณ์ในวงกว้างที่ว่านายนาโอโตะ คัง รมว.คลัง อาจจะขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากนายคังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนโยบายเงินเยนอ่อน ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนจากดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่พุ่งขึ้นเกินคาดและการคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ค.จะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 1.21% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 92.100 เยน จากระดับของวันอังคาร 91.000 เยน แต่อ่อนตัวลง 0.16% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1545 ฟรังค์ จากระดับ 1.1564 ฟรังค์
ค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้น 0.14% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.2242 ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.2225 ดอลลาร์ และค่าเงินปอนด์ขยับขึ้น 0.05% แตะที่ 1.4652 ดอลลาร์ แตะที่ 1.4645 ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.15% แตะที่ 0.8417 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันอังคารที่ 0.8321 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.92% แตะที่ 0.6814 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6752 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินเยนร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากการประกาศลาออกของนายฮาโตยามะทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กังวลว่า เงินเยนอาจตกอยู่ในสภาวะไร้ทิศทาง และความกังวลในเรื่องดังกล่าวทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า นายนาโอโตะ คัง รมว.คลัง อาจจะขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เนื่องจากนายคังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนโยบายเงินเยนอ่อน
เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า นายคัง อาจจะยกเลิกการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังและผู้นำธนาคารกลางของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ G20 ที่เมืองปูซานของเกาหลีใต้ในระหว่างวันที่ 4 - 5 มิ.ย.นี้ หลังจากมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า นายคังจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนาย ฮาโตยามะ และคาดว่าพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) จะดำเนินการคัดเลือกผู้นำคนใหม่ในวันศุกร์นี้
ส่วนค่าเงินยูโรดีดตัวขึ้นหลังจากมีรายงานว่า ธนาคารกลางในหลายประเทศ รวมถึงบราซิล รัสเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ยังคงเดินหน้าลงทุนในสินทรัพย์ของยุโรป
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐได้แรงหนุนหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 6.0% สู่ระดับ 110.9 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.ปี 2552 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5.0% เนื่องจากผู้ซื้อบ้านใช้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีของรัฐบาล
กระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลจ้างงานในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราว่างงานเดือนเม.ย.จะลดลงสู่ระดับ 9.8% และคาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540