ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ กล่าวปาถกฐาที่มหาวิทยาลัยคาร์เนกี เมลลอน ในรัฐเพนซิลวาเนียว่า ปัญหาน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโกจนทำให้เกิดหายนะทางระบบนิเวศครั้งใหญ่ในสหรัฐนั้น ทำให้สภาคองเกรสจำเป็นต้องเร่งบังคับใช้กฎหมายด้านพลังงาน รวมถึงการชะลอการบังคับใช้กฎหมายลดหย่อนภาษีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับบริษัทพลังงาน และสนับสนุนการลงทุนพลังงานทางเลือกใหม่
"หายนะที่เกิดขึ้นในอ่าวเม็กซิโกในขณะนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผลมาจากความผิดพลาดของมนุษย์ หรือนิติบุคคล ซึ่งความผิดพลาดเช่นนี้ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง" โอบามากล่าว
ด้านนายโจ ไบเด้น รองประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ออกมาปฏิเสธกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่าคณะทำงานของโอบามาไม่ได้แก้ปัญหาน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโกอย่างจริงจังหรือรวดเร็วมากพอ
"เรารุดไปยังจุดเกิดเหตุตั้งแต่วันแรกหลังจากแท่นขุดเจาะน้ำมันของบริษัทบีพีระเบิดและจมลง จนเป็นเหตุให้น้ำมันรั่วออกมา ท่านประธานาธิบดีโอบามาเกณฑ์ทุกคนในทำเนียบขาวให้ออกมาช่วยกัน ท่านทำให้ทุกคนเห็นว่าคณะทำงานพร้อมที่จะรับมือกับวิกฤตการณ์ และหากคณะทำงานทำสิ่งใดผิดพลาด นั่นเป็นเพราะการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนเท่านั้น" ไบเด้นกล่าว
โอบามากำลังถูกกดดันอย่างหนักจากคำวิพากษ์วิจารณ์ รวมทั้งจากสมาชิกพรรคเดโมแครตที่กล่าวโทษว่า คณะทำงานของโอบามาไม่ได้ออกมาตอบสนองต่อเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลอย่างทันท่วงที
แท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ของบีพีเกิดระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน นอกจากนี้ แรงระเบิดยังทำให้เกิดรูรั่วปล่อยน้ำมันไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกหลายล้านแกลลอน โดยหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐประมาณการว่าน้ำมันดิบที่รั่วไหลลงสู่ท้องทะเลในขณะนี้อยู่ที่ระดับ 12,000 - 19,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งหายนะครั้งนี้ทำให้รัฐบาลสหรัฐตัดสินใจดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์น้ำมันรั่วทั้งในทางแพ่งและอาญา
เว็บไซต์สถานีโทรทัศน์ ABC รายงานในวันนี้ว่า ประธานาธิบดีโอบามาอาจเลื่อนเดินทางเยือนออสเตรเลียและอินโดนีเซีย เพราะต้องอยู่รับมือกับเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก โดยโอบามามีกำหนดเดินทางไปเยือนเกาะกวม อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย เป็นเวลา 1 สัปดาห์