ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ รวมถึงยูโรและเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นในเสถียรภาพของสกุลเงินดอลลาร์หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง รวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนและข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากคาดการณ์ที่ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ค.ของจะปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะที่เงินเยนถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองในญี่ปุ่น
ค่าเงินยูโรร่วงลง 0.72% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ที่ 1.2161 ดอลลาร์ จากระดับของวันพุธที่ 1.2249 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ดิ่งลง 0.25% แตะที่ 1.4611 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4648 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.43% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.580 เยน จากระดับของวันพุธที่ 92.180 เยน และดีดขึ้น 0.15% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.1562 ฟรังค์ จากระดับ 1.1545 ฟรังค์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.15% แตะที่ 0.8424 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับของวันพุธที่ 0.8411 ดอลลาร์สหรัฐ และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ดีดขึ้น 0.25% แตะที่ 0.6829 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6812 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 10,000 คน มาอยู่ที่ระดับ 453,000 คน และทำสถิติปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 ขณะที่ ADP Employer Services รายงานว่าภาคเอกชนทั่วประเทศเพิ่มการจ้างงาน 55,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 65,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
ส่วนยอดสั่งซื้อในโรงงานอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนเม.ย. แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.8%
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนพ.ค.ในวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นราว 508,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 และคาดว่าอัตราว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 9.8%
ขณะที่เงินเยนยังคงร่วงลงเนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอนในญี่ปุ่น หลังจากนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และมีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า นายนาโอโตะ คัง รมว.คลัง อาจจะขึ้นมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งนายคังเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนโยบายเงินเยนอ่อน