ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 พ.ศ.2553-2555 ตาม พ.ร.บ.กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง มาตรา 21 ทวิ และจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
โดยกำหนดพื้นที่เป้าหมายของโครงการไว้จำนวน 8 แสนไร่ แบ่งเป็น ภาคเหนือ 1.5 แสนไร่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 5 แสนไร่ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ รวมกันอีก 1.5 แสนไร่ โดยตัวเลขเป้าหมายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในแต่ละภาค รวมทั้งมอบให้กรมวิชาการเกษตรไปดูแลควบคุมพันธุ์ยางให้มีคุณภาพ และให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง(สกย.) เป็นผู้จัดการดำเนินการเรื่อง Carbon Credit ด้วย
ทั้งนี้ สกย.ได้ดำเนินการโครงการสงเคราะห์การปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่แก่เกษตรกรตั้งแต่ปี 2532 เป็นต้นมา 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มีเป้าหมาย 408,120 ไร่ ระยะที่ 2 เป้าหมาย 2 แสนไร่ เน้นการดำเนินงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้การสงเคราะห์แก่เกษตรกรที่ยังไม่มีสวนยางมาก่อนเป็นระยะเวลา 7? ปี โดยในช่วง 2? ปี ให้การสงเคราะห์ทั้งวัสดุและค่าแรงงานบางส่วน ส่วนที่เหลือให้เฉพาะค่าวัสดุ ซึ่งเกษตรกรที่จะได้รับการสงเคราะห์ต้องมีที่ดินทำกินเป็นของตนเองอย่างน้อย 2 ไร่ โดยให้การสงเคราะห์ไม่เกินรายละ 15 ไร่
สำหรับโครงการปลูกยางพาราในที่แห่งใหม่ ระยะที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมเกษตรกรรายย่อยที่ไม่เคยมีสวนยางมาก่อนให้ปลูกยางพาราเพิ่มรายได้และมีความเข้มแข็ง เปิดโอกาสให้เกษตรกรในพื้นที่แห่งใหม่ที่มีศักยภาพในการปลูกยางพารามีทางเลือกในการประกอบอาชีพที่มั่นคง และมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งส่งเสริมการสร้างงานในท้องถิ่น ลดการเคลื่อนย้ายแรงงานจากชนบทเข้าสู่เมือง อีกทั้งส่งเสริมพื้นที่การปลูกป่า ช่วยฟื้นฟูรักษาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์ที่ดี ซึ่งการขยายพื้นที่ปลูกยางพาราในพื้นที่ใหม่ดังกล่าวจะเป็นการให้โอกาสแก่เกษตรกรรายย่อยที่ยากจน ได้มีอาชีพที่มั่นคง และจะทำให้เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย