อินโดนีเซียคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยางธรรมชาติของประเทศจะขยายตัว 7% ในปี 2553 สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการขยายตัวในประเทศ
ซูฮาร์โต ฮงโกกุสุโม กรรมการบริหารสมาคมยางของอินโดนีเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ตามที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอินโดนีเซียจะขยายตัว 6% ในปีนี้ และ 6.25% ในปีหน้า รวมถึงการที่เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว เราจึงคาดการณ์ว่า อุตสาหกรรมยางจะขยายตัวอย่างน้อย 7%"
นายซูฮาร์โตกล่าวว่า ปีที่แล้ว ความต้องการยางได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการเงินโลก ซึ่งส่งผลให้การส่งออกยางธรรมชาติของอินโดนีเซียซบเซาลง โดยในปี 2552 อินโดนีเซียส่งออกยางธรรมชาติ 1.9 ล้านตัน ซึ่งลดลงจากระดับ 2.3 ล้านตันในปี 2551
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสมาคมยางอินโดนีเซียกล่าวต่อไปว่า ความต้องการใช้ยางและการขยายตัวของเศรษฐกิจมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกัน กล่าวคือ ถ้าเศรษฐกิจขยายตัวในระดับที่ชะลอตัวก็จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมรถยนต์และยางรถยนต์ รวมถึงความต้องการยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์
อย่างไรก็ดี สมาคมฯคาดหวังว่าในปีนี้ การส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจะดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะยางรถยนต์ และผลิตภัณฑ์ประเภทถุงมือและรองเท้ายาง
สำหรับการนำเข้าผลิตภัณฑ์ยางของอินโดนีเซียนั้น ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้ายางออฟโรดและชิ้นส่วนยางสำหรับรถยนต์
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากประเทศไทย โดยมีจีนเป็นผู้นำเข้ายางจากอินโดนีเซียรายใหญ่สุดของโลก คิดเป็น 21.8% ของทั้งหมด ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกาที่ 17.4% และญี่ปุ่น 12.5%