นายวิกรม วัชรคุปต์ ผู้อำนวยการ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการศึกษาความเป็นไปได้โครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเหล็กต้นน้ำคุณภาพสูงในประเทศไทยว่า ขณะนี้ผลการศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะใช้รองรับโครงการลงทุนมีความคืบหน้าไปมาก คาดจะแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ จากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาต่อไป
ขณะนี้ได้มีการลงพื้นที่เพื่อสำรวจแหล่งน้ำ การก่อสร้างท่าเรือ และการทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นพื้นที่ที่ได้รับการตอบรับจากชุมชนค่อนข้างดี ส่วนอีกพื้นที่ คือ จ.จันทบุรี เป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์สูง แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างระดมความคิดเห็นจากชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม หากมีการลงทุนโครงการเหล็กต้นน้ำในพื้นที่ดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนสูง และเมื่อมีการลงทุนจะมีการตั้งกองทุนเพื่อสังคม และร่วมศึกษากับชาวบ้านในการมีส่วนร่วมทำธุรกิจ เพื่อเสริมรายได้ เช่น ธุรกิจบริการการขนส่ง รวมทั้งการวางผังเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังการลงทุนด้วย เช่นเดียวกับการลงทุนในมาบตาพุด จ.ระยอง
ทั้งนี้ ล่าสุด ยังคงมีนักลงทุนแสดงความสนใจลงทุนในไทยอยู่ แม้ยังไม่ได้ข้อสรุปพื้นที่รองรับการลงทุน และจะได้รับการชักชวนให้ไปลงทุนในพม่าก็ตาม
ส่วนการศึกษาในรายละเอียด ได้ว่าจ้างที่บริษัทปรึกษา ได้แก่ COT ศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และ GOLDEN PLAN ศึกษาการลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึก และ IMAGE PLUS ดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์ และการศึกษาจะครอบคลุมกรณีที่โครงการไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศไทยและไทยกลายเป็นผู้ซื้อ ซึ่งเชื่อว่าไทยจะสามารถเข้าไปร่วมลงทุนได้ ขณะนี้ ประเทศเวียดนามมีนักลงทุนไต้หวันเข้าไปลงทุน ซึ่งอยู่ระหว่างปรับพื้นที่ก่อสร้างโรงงาน และนักลงทุนเกาหลี บริษัท POSCO ร่วมลงทุนกับรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 4-5 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ เห็นว่า แม้โครงการไม่เกิดขึ้นในไทย แต่การรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี)จะเอื้อประโยชน์ในการขนส่งได้ โดยปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าเหล็กคุณภาพสูง ประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่การลงทุนเหล็กต้นน้ำใช้เงินลงทุนประมาณ 150,000 ล้านบาทต่อโรง ขนาดกำลังการผลิต 4-5 ล้านตันต่อปี