นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่ กล่าวว่า ภาระกิจเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการมี 4 เรื่องหลัก คือ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง, สางปัญหาโครงการลงทุนในมาบตาพุดเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่สามารถเดินหน้าต่อไปได้, ส่งเสริมผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ให้มีความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และ พัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นระบบยั่งยืนอยู่ร่วมกับสังคมได้ ไม่เน้นเฉพาะด้านเศรษฐกิจเท่านั้น พร้อมกับบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพจริงจังอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนในปี 53 มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 500,000 ล้านบาท แม้การลงทุนจะชะงักไปบ้างในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาจากผลกระทบทางการเมือง แต่ขณะนี้มียอดขอรับส่งเสริมการลงทุนเกือบ 200,000 ล้านบาทแล้ว
นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การทำงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) มีประสิทธิภาพอยู่แล้ว แต่ฝ่ายนโยบายต้องให้ความมั่นใจและเป็นผู้นำในการทำงาน และการที่บีโอไอขยายมาตรการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย จะทำให้มีนักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากปลายปี 52 มียอดส่งเสริมการลงทุนสูงถึง 720,000 แสนล้านบาท จากเป้าหมาย 400,000 ล้านบาท
นายชัยวุฒิ ยังกล่าวถึงการขอเพิ่มกำลังการผลิต และย้ายที่ตั้งโรงงานของโรงงานน้ำตาลที่ยังค้างการพิจารณาของ ครม.ว่า ทั้งหมดจะต้องเริ่มต้นพิจารณาใหม่ โดยในช่วงบายวันนี้ ได้นัดหารือกับนายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยจะต้องพิจารณาถึงการทับซ้อนของพื้นที่ รวมถึงปัญหาการแย่งวัตถุดิบกับโรงงานเอทานอล และคงระยะห่างของรัศมีตั้งโรงงานแต่ละแห่ง 80 กิโลเมตรหรือไม่ รวมถึงพิจารณาว่าจะมีการเปิดเสรีการตั้งโรงงานหรือไม่ เนื่องจากการเปิดให้โยกย้ายกำลังการผลิตมากถึง 11 โรง ถือเป็นการเปิดเสรีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ มองว่า อุตสาหกรรมอ้อย เป็นอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ และมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมา มีการวางแผนเป็นอย่างดี แต่ต้องปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามสถานการณ์ด้วย ส่วนโครงการลงทุนโรงงานเหล็กต้นน้ำยังมีนโยบายให้เดินหน้าต่อ แต่ติดปัญหาเรื่องสถานที่รองรับการลงทุน แม้จะมีนักลงทุนพร้อมเข้ามาลงทุน และจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับชุมชนเพื่อให้อยู่ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมได้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เวลา 14.00 น.จะประชุมหน่วยงานในสังกัดทั้งหมด โดยเน้นหารือโครงการลงทุนในมาบตาพุด ซึ่งจะเชิญนายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ผู้ช่วยรมว.อุตสาหกรรมมาให้ข้อมูลด้วย ส่วนจะแต่งตั้งผู้ช่วย รมว.อุตสาหกรรมคนใหม่หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี
นายชัยวุฒิ ยอมรับว่า ส่วนตัวรู้สึกหนักใจเสมอกับการทำงานในตำแหน่งใหม่ แต่พร้อมทำงานอย่างเต็มที่ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่มี และขอความร่วมมือจากข้าราชการ ให้จริงจัง จริงใจ ซื้อสัตย์สุจริตในการทำงาน ซึ่งในสัปดาห์หน้าตนจะเริ่มทยอยออกไปตรวจเยี่ยมหน่วยงานในสังกัดเพื่อมอบหมายนโยบายต่อไป