นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา โดยมีทั้งมาตรการด้านภาษีและมาตรการด้านสินเชื่อ
ในส่วนของมาตรการด้านภาษีนั้น ประกอบด้วย บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อทัวร์ในประเทศไปหักลดหย่อนภาษีได้จำนวน 15,000 บาท/คน โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงสิ้นปี 53, นิติบุคคลที่จัดอบรม-สัมมนาสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่าใน 2 รอบบัญชี นับตั้งแต่รอบบัญชีที่เริ่มหลังวันที่ 1 ม.ค.53
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถนำค่าออกบูท-โรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศไปหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 2 เท่า โดยมีผลถึงสิ้นปี 54, และ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถนำสินทรัพย์ไปหักค่าเสื่อมราคาได้มากขึ้นเป็น 60% ในปีแรกที่ซื้อทรัพย์สิน โดยไม่รวมถึงยานพาหนะ โดยมีผลถึงสิ้นปี 54
ส่วนมาตรการด้านสินเชื่อ ประกอบด้วย การขยายวงเงินสินเชื่อแบบมีหลักประกันเป็นไม่เกิน 4 ล้านบาท/ราย โดยคิดอัตราดอกเบี้ย MLR-3 ต่อปีตลอดอายุโครงการ
นายประดิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีบริษัทที่รับประกันภัยที่ได้จ่ายสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองที่ไม่ได้ทำประกันครอบคลุมการก่อการร้าย สามารถนำรายจ่ายสุทธิมาหักเพื่อนำไปคำนวณภาษีได้ ส่วนกรณีผู้ประกอบการที่ได้รับเงินชดเชย หรือ เงินสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำรายได้ดังกล่าวไปคำนวณภาษีเงินได้
รมว.คลัง กล่าวต่อว่า จากมาตรการทางด้านภาษีและมาตรการทางด้านสินเชื่อที่เข้าไปเยียวยาผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและบริษัทท่องเที่ยวในครั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐประมาณ 4 พันล้านบาท
ในส่วนของการปล่อยกู้ของธนาคารเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีการอนุมัติเงินกู้ไปแล้ว 2,966 ล้านบาท จากที่ได้รับวงเงินในการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด 5 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 2 พันล้านบาท ธนาคารเอสเอ็มอีคาดว่าจะสามารถอนุมัติได้หมดภายในสัปดาห์นี้